สำนักงานสถิติฟิลิปปินส์ (PSA) เปิดเผยในวันนี้ว่า มีชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อย 7.3 ล้านคนตกงานในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราว่างงานในประเทศปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุด 17.7% เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
"นี่เป็นสถิติสูงสุดสำหรับอัตราว่างงาน เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่มีสาเหตุมาจากโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานฟิลิปปินส์" แคลร์ เดนนิส มาปา หัวหน้าสำนักงานสถิติ กล่าวในการแถลงข่าวทางออนไลน์
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับอัตราว่างงานที่ 5.3% ในเดือนม.ค. 2563 และ 5.1% ในเดือนเม.ย. 2562
หัวหน้าสำนักงานสถิติ เผยด้วยว่า "จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 5 ล้านคน จาก 2.3 ล้านคนในเดือนเม.ย. 2562 เป็น 7.3 ล้านคนในเดือนเม.ย. 2563"
ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ได้ประกาศล็อกดาวน์กรุงมะนิลาและเขตปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดของประเทศ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยลูซอนมีประชากรคิดเป็น 56% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ และมีสัดส่วน 73% ของจีดีพีฟิลิปปินส์
ทั่วทุกพื้นที่ในลูซอนอยู่ภายใต้มาตรการกักกันตัวและถูกตัดขาดจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในลูซอนต้องหยุดชะงัก ขณะเดียวกัน มาตรการล็อกดาวน์ยังมีผลบังคับใช้กับจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลางและภาคใต้ของฟิลิปปินส์เช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในฟิลิปปินส์ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแม้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 20,382 ราย ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผู้เสียชีวิต 984 ราย และผู้ที่ได้รับการรักษาหาย 4,248 ราย