กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในเดือนส.ค. เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปสงค์ทั่วโลกอ่อนแอลง อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นยังคงเกินดุลการค้า เนื่องจากการนำเข้าปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมันลดลง
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงฯ ระบุว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ร่วงลง 14.8% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 5.23 ล้านล้านเยน (5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นการร่วงลงด้วยเลขสองหลักติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่การส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดสหภาพยุโรป (EU) และเอเชียยกเว้นจีน ยังคงซบเซา
อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกในเดือนส.ค.ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 19.2% และน้อยกว่าในเดือนมิ.ย.ที่ดิ่งลง 26.2% และน้อยกว่าเดือนพ.ค.ที่ทรุดตัวลง 28.3%
ส่วนยอดนำเข้าเดือนส.ค.ร่วงลง 20.8% แตะที่ 4.98 ล้านล้านเยน ซึ่งปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 เนื่องจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบที่นำเข้าจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศอื่นๆ ขณะที่การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหินจากออสเตรเลียร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าในเดือนส.ค.อยู่ที่ 2.4830 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเดือนที่ 2 หลังจากที่เกินดุล 1.093 หมื่นล้านเยนในเดือนก.ค.
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กิจกรรมทางธุรกิจภายในประเทศของญี่ปุ่นเริ่มกลับมาดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป นับตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกมาตรการฉุกเฉินทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายเดือนพ.ค. แต่วิกฤตการณ์ที่เกิดจากไวรัสครั้งนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก และฉุดอุปสงค์ให้อ่อนแรงลงด้วย
เมื่อพิจารณาตามสินค้าแต่ละประเภทพบว่า ยอดส่งออกรถยนต์ร่วงลง 19.4% ขณะที่ยอดส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ทรุดตัวลง 21%
ยอดส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 7% ซึ่งปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2