เรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีกระทรวงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้หารือเกี่ยวกับการขยายการค้าทวิภาคี และทบทวนอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ในระหว่างการเจรจารอบล่าสุดที่กรุงวอชิงตัน ดีซี พร้อมเผยด้วยว่า การเจรจามี "ความคืบหน้า" และทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะจัดการประชุมหารือในระดับรัฐมนตรีอย่างเข้มข้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม หรือหลังจากนั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันโดยเร็วที่สุด
อากาซาวะ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่นในการเจรจาการค้าและภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมการประชุมรอบที่สองกับคณะผู้เจรจาของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตัน ดีซี หรือตรงกับช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาญี่ปุ่น โดยการประชุมดังกล่าวกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง
อากาซาวะกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมดังกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้หารือกันในเชิงลึกเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการขยายการค้าทวิภาคี และการทบทวนอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ได้หยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายด้านกลาโหมและประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นมาหารือในระหว่างการประชุมซึ่งกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง
อากาซาวะเผยว่า จะมีการหารือระดับรัฐมนตรีอย่างเข้มข้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม หรือหลังจากนั้น โดยมุ่งหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงโดยเร็วที่สุด ขณะที่เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่ผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงบางประการในเดือนมิถุนายน อากาซาวะตอบว่า "จะเป็นเรื่องดีหากเราสามารถเข้าสู่ขั้นตอนนั้นได้"
การเจรจารอบที่สองที่กรุงวอชิงตันในครั้งนี้มีขึ้นสองวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ผ่อนปรนมาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ซึ่งแม้จะช่วยคลายกังวลได้ส่วนหนึ่ง แต่อากาซาวะกล่าวว่า เขาได้เรียกร้องอีกครั้งให้รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกภาษีนำเข้ารถยนต์และภาษีอื่น ๆ ที่เรียกเก็บในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อระเบียบการค้าทั่วโลก และจุดชนวนความกังวลว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงอย่างรุนแรง
ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่า เพื่อผลักดันกระบวนการเจรจาให้คืบหน้า คาดว่าอากาซาวะอาจจะยื่นข้อเสนอต่อเบสเซนต์เป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งน่าจะรวมถึงการซื้อข้าวโพดและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยสหรัฐฯ รับมือกับการส่งออกพืชผลทั้งสองชนิดไปยังจีนที่ลดลง ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสองประเทศ
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังกำลังพิจารณาที่จะขยายการนำเข้าข้าวปลอดภาษีจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาต่อรองด้วย
สำหรับข้อเสนอที่เป็นไปได้อื่น ๆ ได้แก่ การลดความยุ่งยากของกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมสำหรับรถยนต์นำเข้า เนื่องจากที่ผ่านมาทรัมป์ได้ออกมากล่าวซ้ำอยู่บ่อยครั้งว่า รถยนต์แบรนด์อเมริกันไม่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น เนื่องจากมีอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
ทั้งนี้ ในบรรดาคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ นั้น อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ถือเป็นประเทศแรก ๆ ที่รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญในการบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว เนื่องจากรัฐบาลทรัมป์มองว่าทั้งสามประเทศมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์เพื่อให้สหรัฐฯ ได้เปรียบจีนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก