รัฐบาลออสเตรเลียและผู้นำในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ออสเตรเลียแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่เสนอเก็บภาษี 100% สำหรับภาพยนตร์ที่ผลิตในต่างประเทศ โดยวิตกว่า ภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแผนการระยะยาวของเมืองโกลด์โคสต์ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลกภายใน 30 ปี
เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย กล่าวในวันนี้ (6 พ.ค.) ว่า รัฐบาลจะแจ้งให้ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ทราบว่าออสเตรเลียคัดค้านภาษีดังกล่าว ขณะที่โทนี เบิร์ก รัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านศิลปะ กล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะยืนหยัดเพื่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ท้องถิ่น
ปัจจุบัน รัฐบาลออสเตรเลียเสนอลดหย่อนภาษี 30% สำหรับโปรเจกต์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่เข้ามาถ่ายทำในออสเตรเลีย และลดหย่อนภาษี 30% สำหรับงานโพสต์โปรดักชัน งานดิจิทัล และวิชวลเอฟเฟกต์ นอกจากนี้ รัฐบาลของแต่ละรัฐยังเสนอมาตรการจูงใจทางภาษีเพิ่มเติมด้วย
แมทธิว ดีเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารขององค์กรอุตสาหกรรม Screen Producers Australia ได้ออกแถลงการณ์หลังทรัมป์ประกาศแผนเก็บภาษีภาพยนตร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ภาษีดังกล่าวจะก่อให้เกิด "คลื่นกระแทก" ไปทั่วโลก
ด้านเอลเลียต วีลเลอร์ นักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์จากเมืองโกลด์โคสต์ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า ภาษีศุลกากรจะทำให้ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ สูงขึ้นแทนที่จะลดลง ดังนั้นจึง "ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้"