ยอดนำเข้ายามายังสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในเดือนมี.ค. เนื่องจากผู้ผลิตยาได้กักตุนสินค้าล่วงหน้าเพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการยกเว้นจากค่าธรรมเนียมดังกล่าว
ข้อมูลจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (6 พ.ค.) ระบุว่า ยอดนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาในเดือนมี.ค.มีมูลค่าเกินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของยอดนำเข้ายาทั้งหมดในปี 2567 ทั้งนี้ การนำเข้ายาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะจากไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกยารายใหญ่ที่สุดมายังสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนมี.ค.นับเป็นครั้งแรกที่ไอร์แลนด์มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่าจีน
ยอดนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากไอร์แลนด์เพิ่มขึ้นประมาณ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากเดือนก.พ. โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ายา
แมทธิว มาร์ติน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของสหรัฐฯ จาก Oxford Economics ระบุว่า แม้สินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. แต่ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ยามีมูลค่าสูงขึ้นถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบทั้งหมดนำเข้ามาจากไอร์แลนด์
นอกเหนือจากไอร์แลนด์และประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรปแล้ว มาร์ตินยังกล่าวว่า ประเทศที่เสี่ยงต่อการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้ายามากที่สุดได้แก่ สิงคโปร์และสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ายา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการค้าที่ทรัมป์กล่าวว่าจะช่วยเพิ่มการผลิตยาภายในประเทศ
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลทรัมป์ได้เริ่มการสอบสวนการนำเข้ายา ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ภาษีศุลกากร โดยให้เหตุผลว่าการพึ่งพาการผลิตยาจากต่างประเทศอย่างกว้างขวางถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ (5 พ.ค.) ว่าจะประกาศเกี่ยวกับภาษีดังกล่าวในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารโดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ สำหรับการผลิตยาด้วย