เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค (JPMorgan Chase & Co) ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำควบคู่กับเงินเฟ้อสูง (Stagflation) เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงนานัปการทั้งในด้านภูมิรัฐศาสตร์ การขาดดุล และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ไดมอนอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุม Global China Summit ซึ่งเจพีมอร์แกนจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยเขาแสดงความเห็นในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า เขาไม่คิดว่าสหรัฐฯ กำลังอยู่ในจุดที่ปลอดภัย และยังคงมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะ Stagflation
นอกจากนี้ ไดมอนยังกล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใช้แนวทางการรอดูข้อมูลเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับนโยบายการเงินนั้น เป็นการทำถูกต้องแล้ว
ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25%-4.50% แต่ก็เตือนถึงความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อและอัตราว่างงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะยิ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในขณะที่คณะกรรมการเฟดกำลังรับมือกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การแสดงความเห็นล่าสุดนี้ สอดคล้องกับที่เขาได้กล่าวในการประชุมนักลงทุนประจำปีของเจพีมอร์แกนซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กในวันจันทร์ (19 พ.ค.) ว่า เขาเชื่อว่าโอกาสที่เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นและการเกิดภาวะ Stagflation นั้น จะรุนแรงมากกว่าที่ผู้คนคาดคิด พร้อมกับเตือนว่า ตลาดการเงินและธนาคารกลางประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการขาดดุลงบประมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐฯ รวมทั้งมาตรการภาษีศุลกากร และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศต่ำเกินไป