ธนาคารกลางเม็กซิโกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศปี 2568 ลงเหลือเพียง 0.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 0.6% เนื่องจากความท้าทายต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
ธนาคารกลางเม็กซิโกเปิดเผยในรายงานรายไตรมาสซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธ (28 พ.ค.) ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในระดับที่แตกต่างกันไป และมีแนวโน้มที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม
"ผลกระทบของมาตรการดังกล่าวที่จะมีต่ออุปสงค์สินค้าของเม็กซิโกในตลาดต่างประเทศนั้น ยังคงไม่แน่นอน" ธนาคารกลางเม็กซิโกระบุ และเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเม็กซิโกในปีนี้ อาจอยู่ระหว่างการหดตัวลง 0.5% จนถึงขยายตัว 0.7%
ทั้งนี้ ธนาคารกลางระบุว่าตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจดังกล่าวนั้น พิจารณาจาก "ผลกระทบในกรอบจำกัด" ของนโยบายการค้าสหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกของเม็กซิโกแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น รวมทั้งที่การที่สินค้าส่งออกของเม็กซิโกได้รับสิทธิพิเศษภายใต้ข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA)
"อย่างไรก็ตาม คาดว่าการที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเป็นวงกว้างนั้น จะบั่นทอนเศรษฐกิจและส่งผลให้อุปสงค์สินค้าของเม็กซิโกในต่างประเทศชะลอตัวลง" ธนาคารกลางเม็กซิโกเตือน
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลอย่างเป็นทางการของเม็กซิโกว่า เศรษฐกิจเม็กซิโก ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองในลาตินอเมริกา รองจากบราซิลนั้น ขยายตัว 1.4% ในปี 2567 ลดลงจากระดับ 3.3% ในปีก่อนหน้า