กูรูเผย "ทรัมป์" ยังมีอาวุธเด็ดจัดการประเทศคู่ค้า แม้ศาลเบรกใช้ภาษีศุลกากร

ข่าวต่างประเทศ Friday May 30, 2025 01:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐในกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งวานนี้ให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยศาลวินิจฉัยว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐให้อำนาจแก่รัฐสภาในการกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการค้ากับประเทศอื่น ๆ โดยไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี

ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลได้ยับยั้งการเก็บภาษีพื้นฐาน 10% ต่อสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีต่อจีน แคนาดา และเม็กซิโก แต่ไม่รวมภาษีที่เรียกเก็บตามกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีช่องทางตามกฎหมายอื่น ๆ ที่สามารถใช้เพื่อเรียกเก็บภาษีได้ ได้แก่การใช้มาตรา 122 ของกฎหมายการค้าสหรัฐ รวมทั้งมาตรา 301, มาตรา 232 และมาตรา 338

ทั้งนี้ มาตรา 122 ของกฎหมายการค้าปี 1974 ไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างเป็นทางการ จึงอาจเป็นช่องทางรวดเร็วที่สุดในการหลีกเลี่ยงอุปสรรคจากคำตัดสินของศาล

"รัฐบาลทรัมป์สามารถทดแทนภาษีพื้นฐาน 10% ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่สูงถึง 15% ได้อย่างรวดเร็วภายใต้มาตรา 122" นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าว แต่เสริมว่า มาตรการนี้มีอายุไม่เกิน 150 วัน ซึ่งหลังจากนี้กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังสามารถเริ่มต้นการสอบสวนภายใต้มาตรา 301 ต่อประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ เพื่อปูทางไปสู่การเรียกเก็บภาษี แต่กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์

ส่วนภาษีตามมาตรา 232 ซึ่งใช้กับการนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์อยู่แล้ว ก็สามารถขยายไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ได้เช่นกัน โดยกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการบังคับใช้ หากการนำเข้านั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ขณะที่มาตรา 338 ตามกฎหมายการค้าปี 1930 ให้อำนาจประธานาธิบดีในการเรียกเก็บภาษีสูงสุดถึง 50% ต่อการนำเข้าจากประเทศที่เลือกปฏิบัติต่อสหรัฐ โดยมาตรการนี้ยังไม่เคยถูกนำมาใช้มาก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ