เรโนลต์ (Renault) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) ระบุว่า ลูกา เดอ เมโอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ตัดสินใจที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยจะมีผลในช่วงกลางเดือนก.ค. เพื่อเปิดรับความท้าทายนอกอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่หนังสือพิมพ์เลอฟิกาโร (Le Figaro) รายงานว่า เขาจะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของเคอริง (Kering) กลุ่มบริษัทแม่ของแบรนด์หรูอย่าง Gucci
การตัดสินใจย้ายข้ามอุตสาหกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เคอริงต้องการผู้บริหารที่มีประวัติการแก้ปัญหาที่พิสูจน์ได้จริง หลังจากที่แบรนด์เรือธงอย่าง Gucci อยู่ในภาวะตกต่ำ ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของบริษัทดิ่งลงกว่า 60% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประกอบกับภาระหนี้สินที่สูงกว่า 1 หมื่นล้านยูโร ทำให้การดึงตัวเดอ เมโอ เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญเพื่อปฏิรูปองค์กร
ความสำเร็จของเดอ เมโอ ในการบริหารเรโนลต์เป็นที่ประจักษ์ เขาสามารถเปลี่ยนองค์กรที่ขาดทุนเป็นประวัติการณ์ในปี 2563 ให้กลับมาแข็งแกร่งและมีกำไร ผ่านการปรับโครงสร้างความร่วมมือกับนิสสัน (Nissan) ครั้งใหญ่ การลดต้นทุนมหาศาล และการผลักดันองค์กรสู่ยุคไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเต็มตัว ซึ่งส่งผลให้หุ้นของเรโนลต์พุ่งขึ้นถึง 90% ตลอด 5 ปีที่เขาบริหาร สวนทางกับคู่แข่งรายอื่นในยุโรป
การอำลาตำแหน่งของเดอ เมโอ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงครั้งที่ 2 ในอุตสาหกรรมรถยนต์ยุโรปในรอบ 6 เดือน และสร้างความท้าทายให้กับเรโนลต์ในการหาผู้สืบทอดตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า นิสสัน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ กำลังพิจารณาขายหุ้นบางส่วนในเรโนลต์ที่ตนถือครองอยู่
สำหรับเคอริง หากการแต่งตั้งได้รับการยืนยัน เดอ เมโอ จะเข้ามาเป็นซีอีโอคนใหม่แทนฟรองซัวส์-อองรี ปิโนลต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอมานานถึง 20 ปี และจะยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการของเครือเคอริงต่อไป