บริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ของญี่ปุ่นประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล (U.S. Steel) มูลค่ารวม 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) โดยปิดฉากการเจรจาที่กินเวลานานกว่า 18 เดือน ซึ่งถือเป็นข้อตกลงสำคัญสำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เคยแสดงจุดยืนคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวในช่วงแรก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีการระบุเงื่อนไขพิเศษที่เรียกว่า "หุ้นทองคำ" (golden share) ซึ่งมอบอำนาจให้ประธานาธิบดีเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในประเด็นสำคัญของกิจการในสหรัฐฯ เช่น การปิดโรงงาน สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และค่าตอบแทนพนักงาน เพื่อคลายความกังวลเรื่องความมั่นคงของประเทศ
จากข้อมูลในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลนั้น นิปปอน สตีลเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของยูเอส สตีล ที่ราคา 55 ดอลลาร์ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์ และยังมีแผนลงทุนเพิ่มอีก 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทใหม่กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
เอยอิจิ ฮาชิโมโตะ ซีอีโอของนิปปอน สตีล แถลงต่อสื่อมวลชน ณ กรุงโตเกียวในวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า ยูเอส สตีลมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มที่สหรัฐฯ จะคงมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก
ฮาชิโมโตะระบุว่า แม้การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ภาษีนำเข้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ
ทั้งนี้ ฮาชิโมโตะกล่าวว่า ผมเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์มองว่าจำเป็นต้องใช้ศักยภาพของเราเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ พร้อมเสริมว่า นิปปอน สตีลยังมีแผนจะขยายการดำเนินงานในต่างประเทศของหน่วยธุรกิจในสหรัฐฯ ด้วย