ฟรองซัว-ฟิลิปป์ ชองปาญ รัฐมนตรีคลังของแคนาดา แสดงความเชื่อมั่นว่า แคนาดาสามารถเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ได้ดีลที่ดีกว่าประเทศอื่น โดยอ้างว่าเป็นเพราะแคนาดานำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากกว่าจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศสรวมกัน
ชองปาญย้ำว่า ความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคอเมริกาเหนือขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ โดยชี้ถึงจุดแข็งของแคนาดา ทั้งทรัพยากรแร่สำคัญ พลังงาน ระบบห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกันระหว่างสองประเทศ และยังเป็นผู้จัดหาอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐฯ
ชองปาญเสริมว่า เป้าหมายของแคนาดาคือให้แรงงานและภาคอุตสาหกรรมของแคนาดาได้รับข้อตกลงที่ดีที่สุด พร้อมเสริมว่า แคนาดามีความได้เปรียบมากกว่าหลายประเทศที่กำลังเจรจากับสหรัฐฯ เพราะมีกรอบข้อตกลงอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มาร์ค คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดา และทรัมป์ เห็นพ้องจะเร่งเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุปของข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ภายในวันที่ 21 ก.ค. หลังจากปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้าสินค้าและบริการรวมกันกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์
ข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับแคนาดา 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันและเชื้อเพลิงจากแคนาดา หากไม่นับพลังงาน สหรัฐฯ เกินดุลการค้ากับแคนาดา
ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก จะมีความตกลงการค้าเสรีร่วมกันอยู่แล้ว แต่ทรัมป์ก็ยังคงเดินหน้ารีดภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากต่างประเทศ 50% รวมถึงภาษีสำหรับรถยนต์ โดยไม่ยึดตามกรอบข้อตกลงเดิม