บริษัทเทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 40 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 43 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.250 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.274 หมื่นล้านดอลลาร์
เทสลาระบุว่า รายได้จากธุรกิจยานยนต์อยู่ที่ 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2568 ลดลง 16% จากระดับ 1.99 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบรายปี โดยในจำนวนนี้ เป็นรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตลดลงแตะระดับ 439 ล้านดอลลาร์ จาก 890 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบรายปี
หุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ หลังจากอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา และไวภาฟ ตเนชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้าอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการดำเนินงานอาจปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐฯ ที่หมดอายุลง
ทั้งนี้ ยอดขายของเทสลาได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทเผชิญกระแสต่อต้านจากทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป หลังจากอีลอน มัสก์ ทุ่มงบประมาณสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนสนับสนุนพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาจัดที่มีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพ
นอกจากนี้ เทสลายังเผชิญกับกระแสต่อต้าน หลังจากที่มัสก์เข้ารับตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ของสหรัฐฯ ซึ่งมีนโยบายลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลาง และตัดงบประมาณขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)