จีน-สหรัฐฯ เจรจาการค้าที่สตอกโฮล์ม คาดขยายเส้นตายรีดภาษีจากเดิม 12 ส.ค.

ข่าวต่างประเทศ Tuesday July 29, 2025 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สหรัฐฯ และจีนได้จัดการเจรจาการค้าระดับสูงในวันจันทร์ (28 ก.ค.) ท่ามกลางความคาดหวังว่าทั้งสองประเทศอาจตกลงที่จะขยายเส้นตายการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรในอัตราสูงออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค.

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงจากจีนและสหรัฐฯ ได้พบกันที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เป็นเวลานานกว่า 5 ชั่วโมงในวันจันทร์ และจะเจรจากันต่อในวันนี้ (29 ก.ค.) ขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าในขณะนี้ "อยู่ในสถานะที่ดี" และเขาต้องการเดินหน้าไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านการค้ากับจีนเป็นวงกว้างขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่การประชุมล่าสุดซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่สามในรอบสามเดือนจะเริ่มขึ้นนั้น เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาไม่คาดหวังว่าการเจรจาในวันนี้จะมีความคืบหน้าครั้งใหญ่ แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายจะผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม

"สิ่งที่ผมคาดหวังคือการติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามข้อตกลงของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าแร่ธาตุที่สำคัญยังคงไหลเวียนระหว่างคู่ค้า และวางรากฐานสำหรับการค้าที่ผ่านการยกระดับ ตลอดจนสร้างสมดุลการค้าในอนาคต" เกรียร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC)

เบสเซนต์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่จีนในครั้งนี้ด้วย ได้เสนอแนะว่าทั้งสองประเทศน่าจะขยายระยะเวลาการผ่อนผันมาตรการภาษีออกไป เนื่องจากกระบวนการเจรจาทวิภาคีได้ก้าวไปสู่ "ระดับใหม่" แล้ว

ก่อนหน้านี้ เบสเซนต์ได้พบกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 12 พ.ค. ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% ขณะที่จีนลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ระดับ 125% โดยระยะเวลาผ่อนผัน 90 วันดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ส.ค.

ในระหว่างการเจรจาสองวันที่กรุงสตอกโฮล์ม เบสเซนต์กล่าวว่า นอกจากการแก้ไขปัญหาการค้าแล้ว สหรัฐฯ ยังตั้งเป้าที่จะแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อของจีน รวมทั้งแก้ปัญหารูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล ซึ่งรูปแบบการเติบโตเช่นนี้ต้องพึ่งพาการลงทุนที่นำโดยรัฐบาลและการผลิตที่เน้นการส่งออกเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เบสเซนต์ยังกล่าวด้วยว่าทีมงานของเขาต้องการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่จีนระงับการซื้อน้ำมันจากรัสเซียและอิหร่าน

ขณะที่เจมิสัน เกรียร์ กล่าวว่า ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างก็ต้องการให้ผู้นำของสองประเทศพบปะกัน โดยเขากล่าวว่า "มีการพูดคุยเกี่ยวกับการจัดประชุมในอนาคตอันใกล้ ผมไม่ทราบว่าจะเป็นที่ไหนหรือวันใดอย่างเจาะจง แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้อยู่ในวาระการประชุมของทั้งสองฝ่าย"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ