ออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ (1 ส.ค.) ว่า สหรัฐฯ ยังคงกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าออสเตรเลียที่ระดับ 10% ภายใต้นโยบายภาษีตอบโต้ใหม่ของสหรัฐฯ โดยทำเนียบขาวยืนยันว่าไม่มีประเทศใดที่ได้รับอัตราภาษีต่ำกว่าออสเตรเลีย
แม้จะอยู่ในสถานะที่ดีที่สุด แต่โฆษกของดอน ฟาร์เรล รัฐมนตรีการค้า ระบุว่า ออสเตรเลียยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้ยกเลิกภาษีทั้งหมดตามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) เพื่อปรับแก้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ใช้กับหลายสิบประเทศ โดยกำหนดอัตราภาษีใหม่ตั้งแต่ 10% ถึง 41%
สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับออสเตรเลีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียมักหยิบยกขึ้นมาใช้อ้างอิงระหว่างการเจรจาการค้า โดยข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ มียอดเกินดุลการค้าออสเตรเลียอยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.6% จากปีก่อนหน้า
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียได้ตัดสินใจผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้การเจรจากับรัฐบาลของทรัมป์เป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ยืนยันว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลจากกระบวนการที่ดำเนินการมานาน และไม่ได้เชื่อมโยงกับการเจรจาการค้า
ด้านนิวซีแลนด์ได้ถูกสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากระดับพื้นฐาน 10% ซึ่งประกาศไว้เมื่อเดือนเม.ย. เป็น 15% โดยล่าสุด ท็อดด์ แมคเคลย์ รัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์กล่าวกับสถานีวิทยุนิวซีแลนด์ว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายก็มีการหารือกันอย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์