ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเกือบทุกประเทศคู่ค้าในอัตรา 10%-41% ซึ่งรวมถึงอัตราภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าจากญี่ปุ่น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.นี้
คำสั่งดังกล่าวออกมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่มาตรการพักเก็บภาษีสินค้าชุดใหญ่ที่สหรัฐฯ ใช้กับหลายประเทศจะสิ้นสุดลง หลังถูกเลื่อนมาเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ เจรจาข้อตกลงรายประเทศกับคู่ค้าสำคัญ
ทรัมป์มีกำหนดเริ่มเก็บภาษีอัตราใหม่ที่เจาะจงรายประเทศในวันนี้ (1 ส.ค.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญฟื้นฟูภาคการผลิตของสหรัฐฯ
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) ว่า "พรุ่งนี้ (1 ส.ค.) อัตราภาษีตอบโต้จะเริ่มมีผลบังคับใช้" ตามที่ทรัมป์เคยระบุไว้หลายครั้ง แต่หลังจากมีการเปิดเผยคำสั่งฝ่ายบริหาร ทำเนียบขาวยืนยันว่า ภาษีใหม่จะเลื่อนให้มีผลบังคับใช้เป็นวันที่ 7 ส.ค.แทน
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งชี้แจงว่า การเลื่อนเวลาดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้หน่วยงานศุลกากรมีเวลามากพอในการดำเนินการระบบภาษีใหม่ โดยอัตราภาษีเดิมจะยังคงใช้ต่อไปจนถึงวันนั้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีที่เรียกว่า "Liberation Day" (วันแห่งการปลดปล่อย) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ก่อนจะพักเก็บภาษีเป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อปูทางสู่การเจรจา และต่อมาในภายหลังได้ขยายเวลาจนถึงวันที่ 1 ส.ค. เนื่องจากการเจรจาทางการค้ากับคู่ค้าหลักยังคืบหน้าไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงกับบางประเทศก่อนเส้นตาย เช่น อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป (EU)
ขณะเดียวกัน มาตรการภาษีพื้นฐาน (Baseline tariff) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บ 10% สำหรับการนำเข้าจากเกือบทุกประเทศทั่วโลก ไม่ได้รวมอยู่ในช่วงมาตรการพักเก็บภาษีครั้งนี้
สำหรับญี่ปุ่นนั้น สหรัฐฯ จะคงอัตราภาษีพื้นฐานที่ 10% สำหรับสินค้านำเข้าหลายรายการต่อไป ยกเว้นรถยนต์และสินค้าอื่น ๆ ที่ถูกจัดเก็บภาษีเฉพาะกลุ่ม จนกว่าจะเริ่มจัดเก็บภาษี 15% ในวันที่ 7 ส.ค.
ส่วนสินค้านำเข้าที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่มีอัตราภาษีเฉพาะกลุ่ม คำสั่งของทรัมป์ระบุว่าจะถูกเก็บภาษีที่ 10% และจะมีผลในวันที่ 7 ส.ค.นี้
คำสั่งยังระบุอัตราภาษีใหม่สำหรับประมาณ 70 ประเทศและดินแดน ซึ่งหลายประเทศยังไม่ได้ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยในเอเชีย ไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ จะถูกเก็บภาษี 20% ไทย 19% อินเดีย 25% และลาว 40%
ทรัมป์ชี้ว่า บางประเทศยังไม่แก้ไขปัญหาเรื่องดุลการค้ากับเรา หรือยังไม่ร่วมมือกับสหรัฐฯ ในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับชาติอย่างเพียงพอ
คำสั่งยังระบุว่า สินค้าใดก็ตามที่เข้าข่ายการส่งผ่านประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี (Transshipment) จะถูกเก็บภาษีเพิ่มในอัตราสูงถึง 40% พร้อมค่าปรับเพิ่มเติม
นอกจากนี้ คำสั่งระบุว่าสินค้าที่ถูกขนขึ้นเรือก่อนวันที่ 7 ส.ค. และเข้ามายังสหรัฐฯ เพื่อการอุปโภคบริโภคภายในวันที่ 5 ต.ค. จะไม่ถูกเก็บภาษีอัตราใหม่
ในวันเดียวกัน ทรัมป์ยังสั่งให้คงอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าบางรายการจากเม็กซิโกต่อไปอีก 90 วัน โดยชะลอการขึ้นภาษีเป็น 30% ตามที่เคยขู่ไว้ เพื่อให้ทั้งสองประเทศมีเวลาเจรจา ขณะที่ลงนามขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาเป็น 35% จากเดิม 25%
สำหรับจีนนั้น สหรัฐฯ มีข้อตกลงพักสงครามภาษี 90 วันซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 12 ส.ค.นี้ โดยในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศตกลงระงับการจัดเก็บภาษีส่วนใหญ่ของกันและกันในช่วงเวลาดังกล่าว