ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ผู้นำแอฟริกาใต้ ประกาศขยายความร่วมมือทางการค้าภายในทวีปแอฟริกาและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อชดเชยผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ หลังแอฟริกาใต้ถูกเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ
รามาโฟซากล่าวในวันนี้ (4 ส.ค.) ว่า ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แอฟริกาใต้จะเร่งส่งคณะผู้แทนการค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ทั้งในแอฟริกาและภูมิภาคอื่น ๆ พร้อมเผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนาผู้ส่งออกระดับชาติ (National Exporter Development Programme) เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทที่มีศักยภาพพร้อมส่งออก
รายงานระบุว่า อัตราภาษี 30% ส่งผลให้แอฟริกาใต้ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา ขณะที่ประเทศกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เลเซตจา คกันยาโก ผู้ว่าการธนาคารกลางแอฟริกาใต้ ออกมาเตือนว่า อุตสาหกรรมยานยนต์และภาคการเกษตรของประเทศอาจต้องสูญเสียงานมากกว่า 100,000 ตำแหน่งจากมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากกรมสรรพากรแอฟริกาใต้ สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของแอฟริกาใต้ รองจากจีน โดยปีที่ผ่านมา แอฟริกาใต้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8.8 พันล้านดอลลาร์