โตโยต้า-ฮอนด้า ส่อแววกำไรสะดุด เหตุเยนแข็ง-ภาษีทรัมป์กดดัน

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 5, 2025 16:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) และ ฮอนด้า มอเตอร์ (Honda Motor) สองค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก (เม.ย.-มิ.ย.) ของปีงบการเงินล่าสุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขของทั้งสองบริษัทน่าจะออกมาอ่อนแอลง ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเย็นที่แข็งค่า และนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้อุปสงค์รถยนต์ไฮบริดในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งก็ตาม

นักวิเคราะห์คาดว่า โตโยต้าจะรายงานกำไรจากการดำเนินงานลดลง 31% เมื่อเทียบรายปี แตะ 9.02 แสนล้านเยน (ราว 6.14 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ จะถือเป็นผลประกอบการรายไตรมาสที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ทั้งนี้ โตโยต้ามีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.)

ส่วนฮอนด้า คาดว่าจะรายงานกำไรจากการดำเนินงานลดลง 36% แตะ 3.117 แสนล้านเยนในวันพุธนี้ (6 ส.ค.) ซึ่งนับเป็นการหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส โดยก่อนหน้านี้บริษัทคาดการณ์ว่ากำไรทั้งปีจะทรุดลงถึง 59%

ขณะเดียวกัน นอกจากตัวเลขผลประกอบการแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลล่าสุดจากทั้งสองบริษัทเกี่ยวกับกลยุทธ์การตั้งราคาและการปรับปรุงคาดการณ์ทั้งปี โดยบรรดานักลงทุนต่างจับตาแนวทางการรับมือต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นของผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งและสองของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ที่รถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นจะถูกเรียกเก็บภาษี 15% ซึ่งจะส่งผลให้ราคารถสูงขึ้นและอาจกระทบอุปสงค์ของผู้บริโภค

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของโตโยต้าปรับตัวลดลงแล้วกว่า 16% ขณะที่หุ้นฮอนด้ายังทรงตัว

คริสโตเฟอร์ ริกเตอร์ นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ แสดงความเห็นว่า ไตรมาสแรกนี้อาจเป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับโตโยต้า แต่สถานการณ์น่าจะคลี่คลายขึ้นในช่วงต่อไป โดยเชื่อมั่นว่าผลกระทบจากภาษีจะบรรเทาลง

สำหรับยอดขายในครึ่งปีแรก โตโยต้ากวาดยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6% จากความนิยมของรถยนต์ไฮบริดอย่างรุ่น Camry และรุ่น Sienna ซึ่งทำกำไรได้มากกว่ารถเบนน้ำมันซินทั่วไป ทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในตลาดจีน ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบรายปี ในครึ่งปีแรก

ด้านฮอนด้ามียอดขายในสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของยอดขายรวมในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ยอดขายทั่วโลกลดลง 5% จากแรงฉุดในตลาดจีน เอเชีย และยุโรป ซึ่งหดตัวในอัตราเลขสองหลัก

ทั้งนี้ ฮอนด้าหันมาอิงตลาดสหรัฐฯ มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังยอดขายในภูมิภาคอื่นซบเซา นอกจากนี้ เมื่อเดือนพ.ค. ฮอนด้าเผยว่าจะปรับลดการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลงชั่วคราว หลังความต้องการชะลอตัว และหันมาเน้นกลุ่มไฮบริดแทน พร้อมเลื่อนแผนสร้างฐานการผลิต EV ในแคนาดาออกไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ