เจพีมอร์แกน (J.P. Morgan) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมนโยบายเดือนก.ย. หลังจากพบสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงาน และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอชื่อกรรมการเฟดคนใหม่
ก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกนเคยคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในเดือนธ.ค.ปีนี้ แต่ในบันทึกล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) ระบุว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เฟดอาจต้องเร่งลดดอกเบี้ยลง โดยคาดว่าจะลดลง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ก่อนเฟดยุติวงจรการผ่อนคลายนโยบาย
ไมเคิล เฟโรลี นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน มองว่า ในการประชุมครั้งต่อไป เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงของตลาดแรงงานกับเงินเฟ้อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการกำหนดทิศทางนโยบาย
สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นอีกเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อ สตีเฟน มิแรน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ให้เข้ารับตำแหน่งกรรมการเฟดชั่วคราว แทนที่เอเดรียนา คูเกลอร์ ซึ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้ การเสนอชื่อนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากทรัมป์ที่เรียกร้องมานานให้เฟดลดดอกเบี้ย ขณะที่ทรัมป์และพาวเวลมีจุดยืนที่ขัดแย้งกันในเรื่องนโยบายการเงินที่เข้มงวด
แม้ยังแน่นอนว่า มิแรนจะได้รับการยืนยันตำแหน่งทันเวลาก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.หรือไม่ แต่เจพีมอร์แกนมองว่า หากเขาได้รับการแต่งตั้ง อาจเพิ่มความขัดแย้งภายในคณะกรรมการกำหนดนโยบาย โดยเฟโรลีเตือนว่า หากมิแรนร่วมลงมติ อาจมีกรรมการ 3 คนที่ลงคะแนนเสียงค้านกับมติหลักของที่ประชุม ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูง
ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนส.ค. จะมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของเฟด โดยเจพีมอร์แกนระบุว่า หากอัตราว่างงานสูงเกิน 4.4% ก็อาจเป็นเหตุผลให้เฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยมากขึ้น อย่างไรก็ดี หากตัวเลขออกมาดีเกินคาด กลุ่มกรรมการที่กังวลเงินเฟ้ออาจไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
บันทึกของเจพีมอร์แกนยังระบุว่า คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ กรรมการเฟด เป็นหนึ่งในผู้ที่มีแนวโน้มจะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเฟดคนใหม่แทนพาวเวล ซึ่งตลาดการเงินน่าจะตอบรับในเชิงบวกต่อความเคลื่อนไหวนี้
นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ (Barclays) เห็นด้วยกับแนวโน้มดังกล่าว โดยประเมินว่าการแต่งตั้งวอลเลอร์จะช่วยลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเฟดต่อข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดตราสารหนี้ระยะยาว
ส่วนข้อมูลจาก FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนประเมินว่า ขณะนี้มีโอกาสถึง 91.4% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 37.7% เมื่อสัปดาห์ก่อน