จีนประกาศเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (anti-dumping) ชั่วคราวต่อเมล็ดคาโนลาที่นำเข้าจากแคนาดา โดยความขัดแย้งทางการค้านี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่แคนาดาประกาศเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเมื่อเดือนส.ค. ปีที่แล้ว
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุในแถลงการณ์ในวันนี้ (12 ส.ค.) ว่า อัตราภาษีชั่วคราวจะอยู่ที่ 75.8% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ (14 ส.ค.) เป็นต้นไป
หลังการประกาศดังกล่าว สัญญาซื้อขายคาโนลาที่ตลาด ICE ส่งมอบเดือนพ.ย. ดิ่งลงทันที 6.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้นำเข้าคาโนลา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เรพซีด" (rapeseed) รายใหญ่ที่สุดของโลก และพึ่งพาการนำเข้าจากแคนาดาเกือบทั้งหมด การเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงลิ่วนี้จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้การนำเข้าจากแคนาดายุติลงโดยสิ้นเชิง
กระทรวงพาณิชย์จีนให้เหตุผลว่า จากการสอบสวนที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนก.ย. ปี 2567 พบว่า ภาคเกษตรกรรมของแคนาดา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมคาโนลา ได้รับประโยชน์จากเงินอุดหนุน "จำนวนมหาศาล" และนโยบายพิเศษจากรัฐบาล
อย่างไรก็ดี จีนมีเวลาจนถึงเดือนก.ย. ซึ่งเป็นกำหนดสิ้นสุดการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับอัตราภาษีดังกล่าว ซึ่งคำตัดสินสุดท้ายอาจทำให้อัตราภาษีเปลี่ยนแปลงไป หรืออาจยกเลิกคำตัดสินในครั้งนี้ก็ได้
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนยังได้เปิดการสอบสวนการทุ่มตลาดต่อแป้งถั่วของแคนาดา และเรียกเก็บภาษีชั่วคราวกับยางบิวทิลชนิดฮาโลเจนด้วย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การหาแหล่งนำเข้าอื่นมาทดแทนคาโนลาจากแคนาดาซึ่งมีปริมาณหลายล้านตันนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากในระยะเวลาอันสั้น
โดยปกติแล้ว จีนนำเข้าคาโนลาเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบหลักในอาหารสัตว์สำหรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งการที่จีนเรียกเก็บภาษีนำเข้ากากคาโนลาจากแคนาดาไปแล้วเมื่อเดือนมี.ค. ก็ส่งผลกระทบต่อปริมาณวัตถุดิบอยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้อาจเป็นโอกาสสำหรับออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกคาโนลาอันดับสองของโลก และดูเหมือนว่าจะกลับมาส่งออกไปยังตลาดจีนได้อีกครั้ง โดยจะมีการส่งออกเพื่อทดสอบตลาดไม่กี่ล็อตในปีนี้ หลังจากที่การค้าหยุดชะงักไปนานหลายปี ทั้งนี้ ออสเตรเลียถูกกีดกันออกจากตลาดจีนมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมีสาเหตุหลักมาจากกฎระเบียบของจีนที่ต้องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเชื้อราในพืช