รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเจรจากับบริษัท อินเทล คอร์ป (Intel Corp.) เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้นในอินเทลซึ่งกำลังประสบปัญหา โดยข่าวดังกล่าวนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าทำเนียบขาวต้องการที่จะลดเส้นแบ่งระหว่างภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะถือหุ้นในอินเทลในสัดส่วนเท่าใด
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานของอินเทลในรัฐโอไฮโอ โดยก่อนหน้านี้อินเทลเคยให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้เป็นโรงงานผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าแผนการดังกล่าวจะถูกเลื่อนออกไปหลายครั้งก็ตาม
ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นอินเทลพุ่งขึ้น 7% ในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) ทั้งนี้ อินเทลเป็นบริษัทอเมริกันเพียงรายเดียวที่มีความสามารถในการผลิตชิปที่เร็วที่สุดภายในประเทศ แม้ว่าคู่แข่งอย่างบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) และซัมซุง (Samsung) จะมีโรงงานในสหรัฐฯ เช่นกันก็ตาม ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีการผลิตชิปและเทคโนโลยีขั้นสูงในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
ข่าวการเจรจาถือครองหุ้นในบริษัทอินเทลมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้ ลิป-บู ตัน ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของอินเทล โดยระบุว่าซีอีโอผู้นี้มีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยอาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับบริษัทจีน กระทั่งในวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ส.ค.) ปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่าเขาได้พบกับลิป-บู ตัน และการพูดคุยเป็นไปด้วยดี