สื่อปูดข่าวรัฐบาลทรัมป์เล็งถือหุ้นในบริษัทชิปที่ได้ประโยชน์จากกม. CHIPS Act

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 20, 2025 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้รัฐบาลกลางเข้าถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนภายใต้กฎหมาย CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในประเทศ

แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า จากเดิมซึ่งรัฐบาลมีแผนการที่จะเข้าถือหุ้นในบริษัทอินเทล (Intel) เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ลุตนิกกำลังพิจารณาว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถเข้าไปถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ เพื่อแลกกับการให้เงินทุนสนับสนุนภายใต้กฎหมาย CHIPS Act ได้อย่างไร โดยบริษัทเหล่านี้รวมถึง ไมครอน (Micron), ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) และซัมซุง (Samsung)

แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันเมื่อวานนี้ว่า ลุตนิกกำลังเจรจากับอินเทลเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลเข้าถือหุ้น 10% โดยเธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อยากให้ความสำคัญกับความต้องการของอเมริกาเป็นอันดับแรก ทั้งในด้านความมั่นคงของชาติและเศรษฐกิจ และนี่เป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เป็นผู้ดูแลเงินทุนมูลค่า 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์ตามกฎหมาย CHIPS Act ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า CHIPS and Science Act โดยกฎหมายดังกล่าวให้เงินทุนสำหรับการวิจัยและเงินช่วยเหลือเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ

เมื่อปลายปีที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวน 4.75 พันล้านดอลลาร์ให้กับซัมซุง รวมทั้งอนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวน 6.2 พันล้านดอลลาร์ให้กับไมครอน และ 6.6 พันล้านดอลลาร์ให้กับ TSMC เพื่อผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัท IG กล่าวว่า ข่าวที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานที่ว่าอินวิเดีย (Nvidia) และเอเอ็มดี (AMD) ตกลงที่จะมอบรายได้จากการขายชิปในจีนให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ในสัดส่วน 15% นั้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลทรัมป์จะเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นมีต่อบริษัทเทคโนโลยี

อย่างไรก็ดี ไมครอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำและได้รับเงินสนับสนุนภายใต้กฎหมาย CHIPS Act มากที่สุดของสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว ขณะที่อินเทล ตลอดจนซัมซุง และทำเนียบขาว ก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ