โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป (Toyota Motor Corp.) เปิดเผยในวันนี้ (28 ส.ค.) ว่า ยอดขายและยอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกในเดือนก.ค.ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ของทุกปี โดยได้แรงหนุนจากความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่แข็งแกร่งในอเมริกาเหนือและจีน แม้ผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ จะบดบังแนวโน้มกำไรของบริษัทก็ตาม
โตโยต้าซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อพิจารณาจากปริมาณการผลิต เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 846,771 คัน และยอดขายรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 4.8% แตะระดับ 899,449 คัน
เมื่อแยกตามภูมิภาค การผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28.5% สู่ระดับ 95,145 คัน เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งทำให้การผลิตรถยนต์ฟื้นตัว หลังจากที่การผลิตได้ต้องหยุดชะงักลงอันเนื่องมาจากการเรียกคืนรถยนต์ ขณะที่การผลิตรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้น 17.1% แตะระดับ 135,235 คัน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ได้รับความนิยมจากลูกค้า
ส่วนการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นลดลง 5.5% สู่ระดับ 292,041 คัน เนื่องจากโรงงานบางแห่งต้องระงับการผลิตหลังได้รับผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงัก อันเนื่องมาจากการเตือนภัยคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตกาของรัสเซีย
สำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่นับจนถึงเดือนมี.ค. 2569 นั้น โตโยต้าคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะลดลง 44.2% มาอยู่ที่ระดับ 2.66 ล้านล้านเยน (1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากคาดว่าผลกระทบของภาษีนำเข้ารถยนต์ที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ จะบดบังปัจจัยบวกจากต้นทุนที่ลดลงและยอดขายรถยนต์รุ่นที่สามารถทำกำไรสูง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นได้ตกลงที่จะให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 15% ซึ่งแม้จะลดลงจากปัจจุบันที่ระดับ 27.5% แต่ก็ยังคงสูงกว่าอัตราเดิม 2.5% ที่มีการเรียกเก็บในช่วงก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศใช้ภาษีเฉพาะภาคส่วนในเดือนเม.ย. และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอัตราภาษีใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด