นิรมาลา สิธารามาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดีย ประกาศลดภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคกว่าร้อยรายการ เพื่อกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
รมว.คลังอินเดียแถลงต่อสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการภาษีสินค้าและบริการ (GST) ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีจากทุกรัฐ ได้อนุมัติปรับลดภาษีสินค้าจำเป็นและปรับโครงสร้างภาษีให้ง่ายขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ภาษี GST ถูกวิจารณ์ว่ามีความซับซ้อนและมีหลายอัตรา คณะกรรมการจึงอนุมัติให้เหลือเพียง 2 อัตรา ได้แก่ 5% และ 18% จากปัจจุบัน 4 อัตรา
รายการสินค้าที่ลดภาษี เช่น ยาสีฟันและแชมพู ลดจาก 18% เหลือ 5% ส่วนรถยนต์ขนาดเล็ก เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์ ลดจาก 28% เหลือ 18%
อย่างไรก็ดี รัฐบาลกลางและรัฐบาลแต่ละรัฐคาดว่าจะสูญเสียรายได้รวมประมาณ 4.8 แสนล้านรูปี (ราว 5.49 พันล้านดอลลาร์) จากการลดภาษีครั้งนี้ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. หรือตรงกับวันแรกของเทศกาลนวราตรี
รายงานระบุว่า การลดภาษีครั้งนี้ ประกอบกับการลดภาษีบุคคลที่ประกาศเมื่อเดือนก.พ. คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในอินเดีย ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวเกินคาดถึง 7.8% ในช่วงไตรมาส 2/2568
นอกจากนี้ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มยอดขายของบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง ฮินดูสถาน ยูนิลีเวอร์ (Hindustan Unilever) และโกดเรจ อินดัสตรีส์ (Godrej Industries) รวมถึงบริษัทสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซัมซุง (Samsung) แอลจี (LG) และ โซนี่ (Sony) ส่วนผู้ผลิตรถยนต์อย่าง มารูติ (Maruti) โตโยต้า (Toyota) และ ซูซูกิ (Suzuki) ก็เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน