มิเชล บูลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคชาวออสเตรเลียเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากรายได้และความมั่งคั่งทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนับเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ก็อาจทำให้ RBA ชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินหากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าการ RBA เปิดเผยหลังการกล่าวปาฐกถาในการประชุมแห่งหนึ่งที่เมืองเพิร์ทเมื่อช่วงค่ำวันพุธ (3 ก.ย.) ว่า "เราเริ่มเห็นภาคเอกชนเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในขณะนี้ ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี" โดยเธออ้างถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเป็นปัจจัยขับเคลื่อน GDP ขยายตัว 0.6% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
ส่วนข้อมูลที่เปิดเผยในวันนี้ (4 ก.ย.) แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านการบริการ ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าคณะกรรมการ RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสตรเลีย (ABS) เปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 0.5% จากเดือนมิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี การใช้จ่ายภาคครัวเรือนพุ่งขึ้น 5.1% ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5%
บูลล็อกได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางของนโยบายการเงินในอนาคตว่า แรงขับเคลื่อนจากผู้บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นหมายความว่า มีความเป็นไปได้ว่าหากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป โอกาสที่ RBA จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็เหลืออยู่ไม่มากนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
คณะกรรมการ RBA ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.6% ในการประชุมเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 3 โดยในเวลานั้น บูลล็อกได้ส่งสัญญาณว่า RBA อาจจำเป็นต้องปรับลดอีกสองครั้งเพื่อบรรลุเป้าหมายการจ้างงานและเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดกาณ์ว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และจากนั้นจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนพ.ย.