รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเฉลี่ย 6.3% เป็น 1,121 เยนต่อชั่วโมง (7.56 ดอลลาร์) ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ และยังเป็นปัจจัยหนุนโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นประกาศในวันนี้ (5 ก.ย.) ว่า จังหวัดต่าง ๆ ของญี่ปุ่นจะเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำโดยเฉลี่ย 66 เยนต่อชั่วโมงในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปรับขึ้นค่าแรงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บสถิติในปี 2521 โดยการปรับขึ้นค่าแรงครั้งใหม่จะมีผลในเดือนต.ค.นี้
ทั้งนี้ การขยับขึ้นค่าแรงดังกล่าวคาดว่าจะสร้างแรงกดดันต่อราคาสินค้า เนื่องจากผู้ประกอบการมีแนวโน้มผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภค แต่ขณะเดียวกันก็จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน ซึ่งเป็นวงจรที่ BOJ พยายามผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง
อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของญี่ปุ่นขยายตัวแตะหรือสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ BOJ ตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลล่าสุดอยู่ที่ 3.1% ขณะที่ BOJ เพิ่งปรับเพิ่มมุมมองเงินเฟ้อเกินความคาดหมาย ทำให้นักลงทุนต่างประเมินความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป
ทากูยะ โฮชิโนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยไดอิจิไลฟ์ ชี้ว่า ธุรกิจที่พึ่งพาพนักงานรายชั่วโมงจำนวนมากอย่างร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด และการขึ้นค่าแรงอาจทำให้เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งจะผลักดันให้ BOJ เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม