คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FTC) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) ว่า ได้ขอข้อมูลจากบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง อาทิ อัลฟาเบท (Alphabet), เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแชตบอตปัญญาประดิษฐ์สำหรับผู้บริโภค โดยต้องการทราบถึงแนวปฏิบัติของบริษัทเหล่านี้ในการวัดผล ทดสอบ และเฝ้าระวังผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีดังกล่าว
การไต่สวนของ FTC มุ่งเน้นไปที่วิธีการที่บริษัทดังกล่าว รวมถึงคาแรคเตอร์ดอทเอไอ (Character.AI), สแนป (Snap) และเอ็กซ์เอไอ (xAI) ใช้ในการสร้างรายได้จากปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้ การประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน การสร้างคำตอบต่อข้อซักถาม และการนำข้อมูลที่ได้จากการสนทนากับแชตบอตไปใช้ประโยชน์
กลุ่มบริษัทผู้พัฒนาเจเนอเรทีฟเอไอ (Generative AI) กำลังเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยนโยบายภายในของ Meta ซึ่งอนุญาตให้แชตบอตมีบทสนทนาเชิงชู้สาวกับเยาวชนได้ ประกอบกับกรณีที่ครอบครัวหนึ่งยื่นฟ้องโอเพนเอไอโดยกล่าวหาว่า ChatGPT มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของบุตรหลานวัยรุ่น
โฆษกของ Character.AI ระบุว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะ "ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรม AI สำหรับผู้บริโภคและเทคโนโลยีในแวดวงนี้ซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว" และกล่าวเสริมว่า บริษัทได้นำเสนอฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยจำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา
อนึ่ง ปัจจุบัน Character.AI กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องในอีกคดีหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน ว่าด้วยการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นอีกราย
โฆษกของสแนปกล่าวว่า "เรามีเป้าหมายร่วมกับ FTC ในการสร้างหลักประกันว่าการพัฒนาเจเนอเรทีฟเอไอจะเป็นไปอย่างรอบคอบ และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการในด้านนโยบาย AI ที่จะช่วยส่งเสริมนวัตกรรมของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับการปกป้องชุมชนผู้ใช้งานของเรา"