ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ซึ่งมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำมาเป็นเวลานาน ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงกว่าที่ธนาคารได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซื้อทองคำของนักลงทุนรายย่อย
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำเป็นจำนวนมากกว่าที่ธนาคารประเมินไว้ในแบบจำลองก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยได้กระจายการลงทุนเข้าสู่ทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้โกลด์แมน แซคส์มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ราคาทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้น และมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงกลางปี 2569 และแตะที่ระดับ 4,300 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงสิ้นปี 2569
ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โกลด์แมน แซคเคยประเมินไว้ว่า ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ หากมีเงินทุนไหลเข้ามาจากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ เพียงแค่ 1% เท่านั้น
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยหนุนราคาทองคำคือการที่ธนาคารกลางอาจกลับมาเร่งซื้อทองคำอีกครั้ง หลังจากชะลอการซื้อตามฤดูกาลในช่วงฤดูร้อน พร้อมกับประเมินว่าการเข้าซื้อเก็งกำไรมีส่วนเพียงเล็กน้อยในการหนุนราคาทองคำ
ทองคำเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์หลักที่ทำผลงานแข็งแกร่งที่สุดในช่วงที่ผ่านมา โดยพุ่งสูงขึ้นเกือบ 50% แล้วในปีนี้ และแซงหน้าสถิติที่ทำไว้ในปี พ.ศ. 2523 โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำ และจากการที่เฟดเฟดกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
ส่วนในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กในวันพุธ (1 ต.ค.) สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 24.3 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 3,897.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอเกินคาดยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ได้ปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.เป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นถึง 54,000 ตำแหน่ง
ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.