หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (1 ต.ค.) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหลายแสนตำแหน่งมีความเสี่ยงที่จะต้องหยุดงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และทำให้โครงการและการบริการที่สำคัญของสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงักลง
ทั้งนี้ คาดว่าการชัตดาวน์อาจจะกินเวลาอย่างน้อย 3 วันจนถึงวันศุกร์นี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากวุฒิสภาสหรัฐฯ จะงดการประชุมในวันนี้เนื่องในเทศกาลยมคิปปูร์ (Yom Kippur) หรือเทศกาลลบมลทินบาปตามความเชื่อของชาวยิว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลว่าการชัตดาวน์อาจจะยืดเยื้อยาวนานถึง 2 สัปดาห์
- ทำไมจึงเกิดการชัตดาวน์
วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวครั้งใหม่ในวันพุธ (1 ต.ค.) หลังจากที่ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวันอังคาร และทำให้หน่วยงานสหรัฐฯ ถูกชัตดาวน์ โดยมติครั้งล่าสุดปรากฏว่า วุฒิสภาให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียงเพียง 55 เสียง ขณะที่คัดค้าน 45 เสียง โดยพรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนมากถึง 60 เสียงตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ร่างงบประมาณดังกล่าวตกไปอีกครั้งหนึ่ง และทำให้สหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะชัตดาวน์
สวัสดิการด้านการดูแลสุขภาพยังคงเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาล่าสุด โดยพรรคเดโมแครตสนับสนุนให้เพิ่มการจัดสรรงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพ ขณะที่พรรครีพับลิกันกล่าวหาว่าพรรคเดโมแครตกำลังพยายามจัดหาการดูแลสุขภาพฟรีให้กับผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า แม็กซีน วอเตอร์ส สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครต ได้ออกมายอมรับเองว่าเธอกำลังเรียกร้องการดูแลสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการแย่งชิงการดูแลสุขภาพของบรรดาผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน
ขณะที่ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยสังกัดพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า พรรครีพับลิกันปิดหน่วยงานรัฐบาล เพราะพวกเขาไม่สนใจที่จะปกป้องการดูแลสุขภาพของชาวอเมริกันของประเทศนี้
- ชัตดาวน์ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันอย่างไร
หลังจากเกิดภาวะชัตดาวน์ หน่วยงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจะยังคงเปิดทำการต่อไป ในขณะที่บริการต่าง ๆ เช่น อุทยานแห่งชาติ การควบคุมการจราจรทางอากาศ และการดูแลสุขภาพ รวมถึงบริการอื่น ๆ จะหยุดชะงัก หรือได้รับผลกระทบเป็นบางส่วน
สำนักงบประมาณสหรัฐฯ (CBO) ระบุว่า การชัตดาวน์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมกับประเมินว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งก่อนซึ่งกินเวลา 35 วันตั้งแต่เดือนธ.ค. 2561 ถึงเดือนม.ค. 2562 นั้น ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ โดยธุรกิจเอกชนบางแห่งสูญเสียรายได้ถาวร
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้การปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ คือการที่รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณถึงความเต็มใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อลดตำแหน่งงานและโครงการของรัฐบาลที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของทรัมป์ แทนที่จะเป็นเพียงการพักงานชั่วคราวหรือกำหนดให้พนักงานทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเท่านั้น
- พนักงาน NASA ยังคงปฏิบัติงานในภารกิจ Artemis ร่วมกับ SpaceX และ Blue Origin แต่ไม่ได้ค่าจ้าง
พนักงานและกลุ่มผู้รับเหมาขององค์การนาซา (NASA) ที่ทำงานเกี่ยวกับ Artemis ซึ่งเป็นโครงการสำรวจดวงจันทร์ที่ทำสัญญากับ SpaceX ของอีลอน มัสก์ และ Blue Origin ของเจฟฟ์ เบซอส จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปในระหว่างที่หน่วยงานรัฐบาลถูกชัตดาวน์
เคลลี เอลเลียต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ NASA เปิดเผยว่า พนักงานเหล่านี้จะไม่ได้รับค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่หน่วยงานของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ แต่พนักงานเหล่านี้จะบันทึกเวลาทำงานของตน และคาดว่าจะได้รับค่าจ้างหลังจากหน่วยงานรัฐบาลกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง
ขณะที่สตีเฟน ชินน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ NASA เปิดเผยว่า นอกเหนือไปจากการปฏิบัติงานในภารกิจ Artemis แล้ว NASA ยังจะสนับสนุนการปฏิบัติงานตามแผนของสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) และภารกิจดาวเทียมทั้งหมดที่อยู่ในขั้นตอนการปฏิบัติงาน แม้ในช่วงเวลาที่ขาดแคลนเงินทุน
ทั้งนี้ แผนการดังกล่าวระบุว่า NASA จะให้พนักงานประมาณ 15,000 คนหยุดงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และกำหนดให้เจ้าหน้าที่ประมาณ 3,000 คนต้องทำงานต่อไปแบบเต็มเวลาหรือล่วงเวลาในช่วงชัตดาวน์
- กระทรวงแรงงานเลื่อนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
การชัตดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมเกือบทั้งหมดของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ต้องหยุดลง ซึ่งรวมถึงการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งล้วนเป็นตัวเลขสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 28-29 ต.ค.
การที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ต้องเลื่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้ ทำให้นักลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจข้อมูลแรงงานจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง พร้อมกับปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.เป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่ง
- หน่วยงานใดเปิด-ปิดช่วงชัตดาวน์
ธนาคาร: ธนาคารเอกชนไม่ได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์
การเดินทางทางอากาศ: เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ (TSA) จะยังคงทำงานต่อไป แต่ไม่ได้รับค่าจ้าง
การเดินทางทางรถไฟ: บริษัทแอมแทรก (Amtrak) ยืนยันว่าเครือข่ายรถไฟโดยสารจะยังคงดำเนินการตามปกติ
โครงการอาหาร: โครงการ Supplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) หรือที่เรียกว่า สแตมป์อาหาร (food stamp) และโครงการ Special Supplemental Nutrition Program for Women, Infants, and Children (WIC) จะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงชัตดาวน์ อย่างไรก็ดี กระทรวงเกษตรระบุว่า ความต่อเนื่องของโครงการเหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของเงินสนับสนุน
บริการไปรษณีย์: การไปรษณีย์สหรัฐฯ (USPS) เปิดเผยว่า บริการไปรษณีย์จะไม่หยุดชะงักในช่วงชัตดาวน์ และยืนยันว่าที่ทำการไปรษณีย์ทั้งหมดจะยังคงเปิดทำการ
บริการสุขภาพ: กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์เปิดเผยว่า โครงการ Medicare จะยังคงให้บริการเต็มรูปแบบ และคาดว่าจะมีเงินเพียงพอจนถึงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2569
ประกันสังคม: สำนักงานประกันสังคมระบุว่า การจ่ายเงินสมทบเข้าสู่กองทุนประกันสังคมจะดำเนินต่อไปตามที่คาดไว้ โดยสำนักงานในท้องถิ่นยังคงเปิดทำการ แต่ให้บริการที่ลดลง
อุทยานแห่งชาติและอนุสาวรีย์: กระทรวงมหาดไทยระบุว่า อุทยานแห่งชาติจะเปิดทำการบางส่วน ขณะที่สถานที่และอนุสรณ์สถานกลางแจ้งจะสามารถเยี่ยมชมได้ แต่อาคารสถานที่ที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำจะถูกปิด
เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา: นักเรียนยังคงต้องชำระเงินกู้ตามกำหนด แต่การยื่นคำขอเพื่อยกเว้นชำระหนี้ต่อกระทรวงศึกษาธิการนั้น คาดว่าจะล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการประมาณ 95% จะต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างในสัปดาห์แรกของการชัตดาวน์
โรงเรียนและห้องสมุด: โรงเรียนและวิทยาลัยมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยในช่วงชัตดาวน์ อย่างไรก็ตาม หอสมุดรัฐสภา (Library of Congress) ระบุว่า อาคารทั้งหมดจะถูกปิด และกิจกรรมสาธารณะจะถูกยกเลิก
ศาล: เว็บไซต์ศาลสหรัฐฯ ระบุว่า ฝ่ายตุลาการจะยังคงทำงานโดยมีการจ่ายเงินเดือนไปจนถึงวันที่ 17 ต.ค. และคาดว่าการพิจารณาคดีและกำหนดการนัดหมายการพิจารณาคดีส่วนใหญ่จะเป็นไปตามกำหนด
กองทัพ: กระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า การปฏิบัติการทางทหารและสวัสดิการของทหารผ่านศึกส่วนใหญ่จะดำเนินต่อไป แม้ว่าการจ่ายค่าจ้างอาจจะล่าช้าในช่วงชัตดาวน์