นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
"การปิดรัฐบาลและทำให้ GDP ลดลง ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการหารือกัน เราอาจเห็นผลกระทบต่อ GDP ผลกระทบต่อการเติบโต และผลกระทบต่อแรงงานชาวอเมริกัน" นายเบสเซนต์กล่าวในรายการ Squawk Box ของสำนักข่าว CNBC
นายเบสเซนต์กล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในวันที่สองของการชัตดาวน์ ขณะที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการผ่านงบประมาณชั่วคราวที่จะทำให้สหรัฐหลุดพ้นจากภาวะชัตดาวน์
แม้ว่าการชัตดาวน์ในครั้งก่อน ๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน แต่หากครั้งนี้มีความยืดเยื้อก็อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ดำเนินการตามคำขู่ที่ว่าจะปลดพนักงานของรัฐบาลกลางราว 750,000 คนอย่างถาวร
นอกจากนี้ นายเบสเซนต์ยังได้วิพากษ์วิจารณ์แกนนำพรรคเดโมแครตว่า "วุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ และฮาคีม เจฟฟรีส์ เป็นคนที่อ่อนแอและสับสน พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวอเมริกัน พวกเขาเพียงแค่หาเหตุผลมาอ้างการชัตดาวน์"
ขณะเดียวกัน นายเบสเซนต์กล่าวว่า กระบวนการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แทนนายเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะสิ้นสุดวาระในเดือนพฤษภาคม 2569 ยังคงดำเนินอยู่ โดยเขาได้ทำการสัมภาษณ์รอบแรกต่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมราว 11 คนแล้ว และรอบที่สองจะเริ่มในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เขาจะคัดเลือกรายชื่อเหลือเพียง 35 คนเพื่อเสนอให้ปธน.ทรัมป์ตัดสินใจขั้นสุดท้าย