คณะทำงานติดตามการคว่ำบาตรพหุภาคี (Multilateral Sanctions Monitoring Team - MSMT) ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า เกาหลีเหนือได้จารกรรมสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีเป็นมูลค่าอย่างน้อย 2.8 พันล้านดอลลาร์จากบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ในช่วงเดือนม.ค. 2567 จนถึงเดือนกันยายน 2568
รายงานของ MSMT ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (22 ต.ค.) ระบุว่า เกาหลีเหนือได้จัดตั้งกองกำลังไซเบอร์ (Cyber Force) ซึ่งสามารถดำเนินการด้วยระบบที่มีความซับซ้อนใกล้เคียงกับโครงการไซเบอร์ของจีนและรัสเซีย พร้อมระบุว่า เกาหลีเหนือใช้ขีดความสามารถทางไซเบอร์เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (UN) และสร้างรายได้เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เกาหลีเหนือยังคงอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เนื่องจากเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์และยิวขีปนาวุธ
นอกจากนี้ รายงานของ MSMT ระบุว่า รายได้สกุลเงินต่างประเทศส่วนใหญ่ของเกาหลีเหนือในปี 2567 นั้น มาจากการจารกรรมคริปโทเคอร์เรนซีและการขายอาวุธให้กับรัสเซีย นอกจากนี้ ทีมงานของ MSMT ยังพบว่าเกาหลีเหนือพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สาธารณูปโภคและวัสดุต่าง ๆ จากประเทศทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ โดยข้อมูลเหล่านี้ครอบคลุมถึงโดรนทหาร เรือดำน้ำ และการต่อเรือ
สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างก็กังวลว่าเกาหลีเหนือจะนำเงินคริปโทฯ ที่จารกรรมมาได้ และค่าจ้างที่แรงงานเกาหลีเหนือได้รับในต่างประเทศ ไปใช้ในการสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
สำหรับคณะทำงาน MSMT นั้น นอกเหนือจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้แล้ว หน่วยงานแห่งนี้ยังประกอบด้วยออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์