สหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ เวิร์กเกอร์ส ยูไนเต็ด (Starbucks Workers United) ประกาศในวันพุธ (5 พ.ย.) ว่า สมาชิกสหภาพฯ ลงมติให้มีการหยุดงานประท้วงในสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า โดยจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. เว้นแต่บริษัทจะบรรลุข้อตกลงสัญญาจ้างขั้นสุดท้าย
การหยุดงานประท้วงดังกล่าวซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สตาร์บัคส์มีแผนจะแจก "แก้วแดง" แบบใช้ซ้ำได้ฟรี โดยวัน Red Cup Day ซึ่งเป็นธรรมเนียมของสตาร์บัคส์ตั้งแต่ปี 2561 ถือเป็นหนึ่งในวันที่บริษัทยุ่งที่สุดของปี
อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ ไม่ได้ระบุว่าจะมีร้านค้าจำนวนเท่าใดที่ได้รับผลกระทบ แต่กล่าวว่าพนักงานในอย่างน้อย 25 เมืองมีแผนจะเข้าร่วมการหยุดงานประท้วงด้วย และอาจมีอีกหลายที่หากสหภาพฯ ไม่เห็น "ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม" ในการสรุปสัญญา
ปัจจุบันมีร้านสตาร์บัคส์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสหภาพฯ ราว 550 แห่ง จากสาขาที่บริษัทดำเนินการโดยตรงทั้งหมด 10,000 แห่งในสหรัฐฯ แต่สตาร์บัคส์ได้ปิดสาขาที่มีสหภาพฯ ไป 59 แห่งในเดือนก.ย. ในฐานะส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่
ทั้งนี้ สหภาพฯ และบริษัทยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสัญญาจ้างได้ โดยในเดือนธ.ค. 2566 สตาร์บัคส์เคยให้คำมั่นว่า จะสรุปข้อตกลงให้ได้ภายในสิ้นปี 2567 แต่บริษัทได้ปลดลักษมัณ นรสิมหัน ซีอีโอที่ให้คำมั่นสัญญาดังกล่าวออกไปเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ขณะที่สหภาพฯ ระบุว่า ความคืบหน้าได้หยุดชะงักภายใต้การนำของไบรอัน นิคโคล ประธานและซีอีโอคนใหม่ของบริษัท
สตาร์บัคส์กล่าวเมื่อวันพุธว่า บริษัทรู้สึกผิดหวังที่สหภาพฯ วางแผนที่จะประท้วงหยุดงานแทนที่จะกลับมาเจรจาต่อรอง โดยจาซี แอนเดอร์สัน โฆษกหญิงของบริษัทระบุว่า "ข้อตกลงใด ๆ ก็ตามจำเป็นต้องสะท้อนความเป็นจริงที่ว่า สตาร์บัคส์ได้เสนองานที่ดีที่สุดในธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงค่าจ้างและสวัสดิการเฉลี่ยมากกว่า 30 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงสำหรับพาร์ทเนอร์รายชั่วโมง"
ซารา เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาร์ทเนอร์ของสตาร์บัคส์ กล่าวในจดหมายถึงพนักงานว่า สหภาพฯ ได้เสนอขอขึ้นค่าจ้างทันที 65% และเพิ่มขึ้น 77% ภายใน 3 ปี พร้อมด้วยการจ่ายเงินเพิ่มเติมสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น การทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันที่สตาร์บัคส์จัดโปรโมชัน
เคลลียังกล่าวอีกว่า ข้อเสนอการขึ้นค่าจ้างบางส่วนจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินงานของสตาร์บัคส์ เช่น การให้สิทธิ์พนักงานในการปิดระบบรับคำสั่งซื้อทางมือถือหากร้านค้ากำลังยุ่ง พร้อมชี้ว่า "นี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่จริงจังและไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักฐาน"
อย่างไรก็ตาม พนักงานบาริสต้าที่เป็นสมาชิกสหภาพฯ โต้แย้งว่า พวกเขาไม่ได้รับชั่วโมงทำงาน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตามที่กำหนด ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการได้รับสวัสดิการจากสตาร์บัคส์ นอกจากนี้ พนักงานสหภาพฯ ยังชี้ให้เห็นถึงแพ็กเกจค่าตอบแทนที่สูงลิ่วของนิโคลถึง 95.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 ซึ่งรวมถึงหุ้นชดเชยมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์จากการลาออกจากบริษัทเก่าอย่างชิโปตเล (Chipotle)
แจสมิน เลลี พนักงานบาริสต้าของสตาร์บัคส์ที่ทำงานมา 3 ปีและเป็นแกนนำการประท้วงจากเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า "การต่อสู้ของเราคือการทำให้งานที่สตาร์บัคส์เป็นงานที่ดีที่สุดในธุรกิจค้าปลีกอย่างแท้จริง ซึ่งตอนนี้ มันเป็นแค่งานที่ดีที่สุดในธุรกิจค้าปลีกสำหรับไบรอัน นิโคล เท่านั้น" โดยเลลีระบุว่า ค่าจ้างเริ่มต้นสำหรับพนักงานบาริสต้าในรัฐส่วนใหญ่คือ 15.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
การหยุดงานประท้วงดังกล่าวจะสะท้อนถึงการดำเนินการด้านแรงงานครั้งก่อน ๆ ต่อบริษัท โดยในปี 2566 พนักงานสตาร์บัคส์หลายพันคนในร้านค้ามากกว่า 200 สาขาเคยหยุดงานประท้วงในวัน Red Cup Day และเมื่อปีที่แล้ว มีการหยุดงาน 5 วันก่อนช่วงคริสต์มาส ส่งผลให้ 59 สาขาต้องปิดทำการ
เคลลีเน้นย้ำในจดหมายว่า สาขาส่วนใหญ่ที่บริษัทเป็นเจ้าของ รวมถึงสาขาที่ได้รับใบอนุญาต 7,000 แห่งในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามบิน จะยังคงเปิดทำการต่อไปหากมีการประท้วงหยุดงานเกิดขึ้น