บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยรายงานผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2568 บ่งชี้ว่ากำไรโดยรวมของบริษัทเหล่านี้ลดลง และทั่วทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับแรงกดดันเชิงโครงสร้าง
สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์นิกเกอิว่า บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำ 7 แห่งของญี่ปุ่น ได้แก่ โตโยต้า (Toyota), ฮอนด้า (Honda), นิสสัน (Nissan), มาสด้า (Mazda), มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors), ซูบารุ (Subaru) และซูซูกิ (Suzuki) สูญเสียรายได้รวมกันประมาณ 1.5 ล้านล้านเยน (ประมาณ 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงเดือนเมษายน - กันยายน เนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ บังคับใช้ในเดือนเมษายนปีนี้
มาตรการภาษีของทรัมป์ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิสสัน, มาสด้า และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต่างรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก มีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 18.6% ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานในอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์การเงินโลกเมื่อปี 2551
ส่วนกำไรสุทธิของฮอนด้า ลดลง 37% เมื่อเทียบเป็นรายปี และกำไรของซูบารุ ลดลง 45% ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรภาษีได้ฉุดรั้งอัตรากำไรในอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างรุนแรง
ภาษีทรัมป์ทำค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นแบกภาระสองเท่า
บริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งของญี่ปุ่นเลือกที่จะไม่ปรับขึ้นราคาในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องส่วนแบ่งตลาด ซึ่งแม้ว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะช่วยปกป้องยอดขายในระยะสั้น แต่ก็บั่นทอนความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากต้นทุนการผลิตและโลจิสติกส์ปรับตัวสูงขึ้น
เคนตะ คอน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโตโยต้า ได้ออกมายอมรับเมื่อไม่นานมานนี้ว่า แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่นลงเหลือ 15% แต่สถานการณ์ยังคงท้าทายอย่างมาก
ด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาระที่เพิ่มเป็นสองเท่า นั่นคือ การจ่ายภาษีที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ถูกผลักดันให้ขยายการลงทุนในสหรัฐฯ ภายใต้ข้อผูกพันทางการค้าทวิภาคี ซึ่งอาจทำให้ญี่ปุ่นต้องดึงเม็ดเงินทุนออกจากภาคส่วนการวิจัยและพัฒนา (R&D) ภายในประเทศ และทำให้รากฐานของอุตสาหกรรมรถยนต์อ่อนแอลง ซึ่งผลที่ตามมาจะขยายวงกว้างไปไกลกว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับงบดุลของบริษัท
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเสี่ยงถูกกระทบจากวิกฤตอุตสาหกรรมรถยนต์
ในปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ มีสัดส่วนสูงถึง 28.3% ของยอดส่งออกสินค้าโดยรวมของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ
แต่ข้อมูลล่าสุดจากระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ยอดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในช่วงเดือนเมษายน - กันยายน ลดลง 10.2% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 9.7115 ล้านล้านเยน โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์ในช่วงเวลาดังกล่าวลดลง 22.7% สู่ระดับ 2.3890 ล้านล้านเยน และปริมาณการส่งออกรถยนต์ลดลง 2.4% สู่ระดับ 662,914 คัน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่า เมื่อพิจารณาจากกำไรที่หดตัวของบริษัทรถยนต์ และการใช้จ่ายด้านทุนที่ชะลอตัว ผลกระทบระลอกนี้อาจเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งเดิมก็ที่เปราะบางอยู่แล้ว