กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับธุรกรรมซื้อขายคอนโดมิเนียมใหม่ในเขตเมืองใหญ่ พบว่าสัดส่วนการซื้อคอนโดฯ ในกรุงโตเกียวโดยผู้ซื้อจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเป็น 3.0% ในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. ของปี 2568
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่ได้เกิดจากดีมานด์ที่แท้จริง แต่เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรซึ่งผลักดันราคาคอนโดฯ ให้สูงขึ้น และส่งผลให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ต้องเร่งพิจารณามาตรการรับมือเพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรดังกล่าวโดยไม่คำนึงว่าผู้ซื้อจะมีที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นหรือต่างประเทศ
เมื่อพิจารณาเฉพาะ 6 เขตใจกลางกรุงโตเกียว ซึ่งรวมถึงเขตชิโยดะอันเป็นที่ตั้งของพระราชวังอิมพีเรียล สำนักงานรัฐบาล และธุรกิจชั้นนำหลายแห่ง พบว่า สัดส่วนของผู้ซื้อจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 3.2% เป็น 7.5%
ยาซูชิ คาเนโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดินฯ ยอมรับในการแถลงข่าววันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ซื้อ แต่กล่าวว่า "การซื้อเพื่อเก็งกำไรโดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความต้องการที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์"
เขากล่าวว่า กระทรวงที่ดินฯ จะร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อควบคุมกิจกรรมดังกล่าว โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณานำระบบที่กำหนดให้ผู้ยื่นขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ต้องเปิดเผยสัญชาติของตนเอง
นอกจากกรุงโตเกียวแล้ว เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ทางตอนเหนือสุดของประเทศ มีสัดส่วนผู้ซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า จาก 0.7% เป็น 2.0% ขณะที่จังหวัดคานางาวะ ซึ่งอยู่ติดกับเมืองหลวงของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นจาก 0.3% เป็น 1.0%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกโดยกระทรวงที่ดินฯ ท่ามกลางความกังวลว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไรโดยผู้ซื้อชาวต่างชาติกำลังผลักดันราคาคอนโดมิเนียมให้สูงขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากการกรอกข้อมูลการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ขอให้ระบุสัญชาติ ทางกระทรวงจึงใช้ข้อมูลที่อยู่ตามที่ผู้ซื้อระบุไว้แทน
ทั้งนี้ นายกฯ ทาคาอิจิ ซึ่งดำเนินนโยบายกลาโหมและความมั่นคงทางเศรษฐกิจแบบอนุรักษนิยมสายเหยี่ยว ได้ให้คำมั่นที่จะออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการถือครองที่ดินโดยชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ