นายโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า นโยบายภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ภาคเอกชนลดการจ้างงานในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. โดยธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบมากที่สุด
ภาวะการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนพ.ย. ย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 47,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
นายลุตนิกกล่าวในรายการ Squawk on the Street ของสำนักข่าว CNBC ว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของธุรกิจขนาดเล็ก นอกจากนี้ การที่รัฐบาลทำการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารจำนวนมาก ก็เป็นปัจจัยกดดันตัวเลขการจ้างงานด้วย
เมื่อถูกถามว่านโยบายการตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นสาเหตุทำให้ภาคเอกชนลดการจ้างงานหรือไม่ นายลุตนิกตอบว่า 'ไม่ใช่เพราะภาษี'
'จำไว้ว่าคุณมีการชัตดาวน์ที่เกิดจากพรรคเดโมแครต แล้วคุณคิดว่าธุรกิจขนาดเล็กจะเป็นอย่างไร? ผู้ที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลสหรัฐรู้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับเงิน จึงชะลอโครงการต่าง ๆ ลง'
'และอย่าลืมว่าเมื่อมีการเนรเทศผู้อพยพ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของธุรกิจขนาดเล็กย่อมถูกกดดันตามไปด้วย'
อย่างไรก็ดี นายลุตนิกยืนยันว่า ตัวเลขการจ้างงานจะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลและเติบโตขึ้นอีกครั้ง โดยระบุว่า 'นี่เป็นเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้น และปีหน้าตัวเลขจะยอดเยี่ยมมาก'
นายเนลา ริชาร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวว่า 'การจ้างงานมีความผันผวน เนื่องจากนายจ้างต้องรับมือกับผู้บริโภคที่ระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจมหภาคมีความไม่แน่นอน และแม้ว่าการชะลอตัวในเดือนพฤศจิกายนจะเกิดขึ้นในหลายภาคส่วน แต่สาเหตุหลักมาจากการลดการจ้างงานของธุรกิจขนาดเล็ก