ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวผสมผสานในเช้าวันนี้ (24 ธ.ค.) ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นหลายแห่งมีกำหนดปิดการซื้อขายเร็วกว่าปกติ เนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ
ส่วนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3/2568 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) แม้ข้อมูลดังกล่าวอาจลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
-- สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (23 ธ.ค.) ว่า จะชะลอการบังคับใช้ภาษีเพิ่มเติมต่อการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากจีนออกไปจนถึงเดือนมิ.ย. 2570
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ สรุปผลการสอบสวนด้านการค้าเป็นเวลา 1 ปี ท่ามกลางสัญญาณความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลง
-- นักลงทุนพากันลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.2569 หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 15.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมเดือนม.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 24.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2568 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 4.3% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.2% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาส 2
-- ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัว 3.0% ในไตรมาส 4/2568
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 0.5% ในไตรมาส 1 ขณะที่ขยายตัว 3.8% และ 4.3% ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ตามลำดับ โดยเฟดสาขาแอตแลนตามีกำหนดรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งต่อไปในวันที่ 5 ม.ค.2569
-- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลง 3.8 จุด สู่ระดับ 89.1 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 91.7
นอกจากนี้ ดัชนีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวลงในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในอนาคตทรงตัว
-- เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้าเกินไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวในไตรมาส 3/2568 สูงเกินคาดก็ตาม
ทั้งนี้ แฮสเซตต์ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะเข้ารับตำแหน่งต่อจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังจากครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2569
-- ราคาโลหะเงินพุ่งขึ้นใกล้ทะลุระดับ 70 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
ล่าสุด ราคาเงินสปอตเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 69.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับ 69.98 ดอลลาร์ในช่วงแรกของการซื้อขาย
ทั้งนี้ ราคาเงินพุ่งขึ้นมากกว่า 141% นับตั้งแต่ต้นปี มากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับราคาทองคำซึ่งปรับขึ้นกว่า 70% โดยราคาเงินได้รับแรงหนุนจากภาวะอุปทานตึงตัวในตลาด ท่ามกลางความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาด
-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (24 ธ.ค.) มีดังนี้:-
เกาหลีใต้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม
สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์