นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ปได้เน้นถึงความสำคัญของการลงทุนเพื่อกระตุ้นการขยายตัวในยุโรป นายดิจเซลโบลมเปิดเผยว่า บรรดารัฐมนตรีกลุ่มยูโรโซนเห็นพ้องต้องกันในการดำเนินนโยบายในอนาคตอันใกล้เพื่อส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ปัจจุบันขยายตัวค่อนข้างต่ำ โดยไม่ได้มีเป้าหมายในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงเป้าหมายในระยะยาวด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการเติบโตภายใต้ข้อระเบียบทางการเงินอันเข้มงวด ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของยุโรปจึงจำเป็นต้องยกนโยบายการลงทุนเป็นวาระสำคัญเพื่อดำเนินงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายดิจเซลโบลมชี้ว่า ปัจจุบันไม่มีแนวโน้มที่จะใช้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เพื่อสนับสนุนการลงทุน โดยเขาเสริมว่า การใช้กองทุน ESM เพื่อการลงทุนนั้นจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของข้อตกลง
หลังจากที่ได้พิจารณาสถานการณ์ในไซปรัสและกรีซ รัฐมนตรีการคลังของยูโรกรุ๊ปไม่ได้มีมติในการส่งมอบเงินช่วยเหลือล็อตใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งมอบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านนายคลอส เรกลิง ประธานบริหารของ ESM เปิดเผยว่า เงินช่วยเหลือกรีซล็อตหน้ามีมูลค่า 1.8 พันล้านยูโร (2.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ทางออกของกรีซนั้น นายดิจเซลโบลมเผยว่า สมาชิกส่วนใหญ่ในการประชุมยูโรกรุ๊ปมองว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของกรีซจำเป็นต้องดำเนินไปอย่างยั่งยืน
กรีซได้อาศัยเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนหลายพันล้านยูโรมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 ในการประคับประคองเศรษฐกิจ โดยหลังจากที่ได้ดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดและโครงการปฏิรูป ซึ่งได้รับการออกแบบร่วมกับนานาประเทศที่ได้ปล่อยกู้เงินช่วยเหลือ จึงคาดว่าเศรษฐกิจของกรีซน่าจะพลิกกลับมาฟื้นตัวในปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน