รายงานของสมาพันธ์ระบุว่า การปรับตัวลดลงของผลผลิตมาจากการชะลอตัวลงของอุปสงค์ในเหล็กกล้าที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้างภายหลังการปรับขึ้นภาษีการบริโภคไปเมื่อวันที่ 1 เม.ย.
ทั้งนี้ ผลผลิตเหล็กกล้าชนิดธรรมดาร่วง 2.4% เมื่อเทียบปีต่อปี แตะที่ 7.0 ล้านตัน ทำสถิติปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ผลผลิตเหล็กกล้าชนิดพิเศษเพิ่มขึ้น 3.4% แตะที่ 2.18 ล้านตัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน