ผลการวิจัยของ Boston Consulting Group (BCG) พบว่า นับตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2551 กลุ่มธนาคารรายใหญ่ๆทั่วโลกได้จ่ายค่าปรับเป็นจำนวนรวมกันถึง 3.2 แสนล้านดอลลาร์ หลังฝ่ายกำกับดูแลในหลายๆประเทศ เช่นในยุโรป เอเชีย และสหรัฐ ได้ยกระดับมาตรการควบคุมดูแล
ค่าปรับดังกล่าวมาจากการที่ธนาคารเหล่านี้มีการฝ่าฝืนกฎระเบียบกำกับดูแล
หากคำนวนในปี 2559 เพียงปีเดียว ค่าปรับดังกล่าวอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 68% จากปีก่อนหน้านั้น
สำหรับแนวโน้มในปีต่อๆไป BCG คาดการณ์ว่าตัวเลขค่าปรับจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากน่าจะมีการกวดขันมาตรการกำกับดูแลให้เข้มงวดขึ้น แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ให้คำมั่นเพื่อลดมาตรการกำกับดูแลในสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนก.พ. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเครื่องกฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐ หลังมีนักธุรกิจบางส่วนซึ่งรู้จักกับปธน.ทรัมป์ร้องเรียนว่าข้อกำหนดเงินกู้เดิมทีนั้นเข้มงวดเกินไป
คำสั่งประธานาธิบดีฉบับนี้เสนอแนวทางปฏิบัติและหลักการสำหรับกฎระเบียบระบบการเงิน และมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต