Spotlight: เหตุรุนแรงที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์สะท้อนอันตรายของการเมืองแบบอัตลักษณ์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 15, 2017 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้เชี่ยวชาญชี้เหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาตินิยมที่สนับสนุนคนผิวขาวที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานศึกษาระดับประวัติศาสตร์ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐนั้น สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายของการเมืองแบบอัตลักษณ์ในประเทศที่มีความแตกแยกอย่างหนักหน่วง

ลี เจิง ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการมูลนิธิ Asian American Legal Foundation ให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า นับเป็นสถานการณ์ถดถอยที่อันตราย แต่ก็เป็นปฏิกริยาที่สมเหตุสมผลและเป็นธรรมชาติกับการที่กลุ่มคนที่ไม่ใช่คนผิวขาวจะให้ร้ายกลุ่มคนผิวขาว ตลอดจนเรียกร้องอำนาจและการโอนถ่ายความร่ำรวยบนพื้นฐานของชาติพันธุ์และเพศ

การหวนกลับมาของกลุ่มชาตินิยมคนผิวขาว เจิงกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์เป็นการหวนกลับมาของลัทธิชาตินิยมของคนผิวขาวในโลกแห่งการเมืองแบบอัตลักษณ์ที่ซึ่งทุกๆคนจะถูกนิยามด้วยสีผิว เพศ และเรื่องอื่นๆ

"ผมกังวลเกี่ยวกับเรื่องการกลับมาของการเมืองอัตลักษณ์ที่เกี่ยวกับคนผิวขาว และการที่คนผิวขาวทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มคนผิวขาวที่ยากจนจะต้องยอมรับในสิ่งที่ถูกบอกเล่าต่อๆกันมาในประเด็นที่ว่า กลุ่มคนผิวขาวนั้นเป็นกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิพิเศษและเหยียดผิว ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นักสำหรับผม"

มุมมองของเจิงนั้นสอดคล้องกับเพอร์รี เบคอน จูเนียร์ นักเขียนด้านการเมืองให้กับ FiveThirtyEight เว็บไซต์ซึ่งเน้นเรื่องการวิเคราะห์ผลการสำรวจความคิดเห็น

เบคอนระบุในบทความเรื่อง Charlottesville And The Rise Of White Identity Politics ที่ได้มีการเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวานนี้ว่า ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าการเมืองแบบอัตลักษณ์ที่สนับสนุนคนขาวจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการเมืองของชาวอเมริกัน

การเมืองแบบอัตลักษณ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสหรัฐ เพราะมีมาตั้งแต่สมัย ริชาร์ด นิกสัน มาจนถึง โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีที่ผ่านๆมาของสหรัฐซึ่งส่วนใหญ่มาจากพรรครีพับลิกัน มักจะชูประเด็นเรื่องความหวาดเกรงและทัศนคติของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน และชนกลุ่มน้อยอื่นๆให้กับกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่มีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม

2 เรื่องเล่าที่ขับเคี่ยวกันมา

เบคอนชี้ว่า หัวข้อของการพูดคุยในสหรัฐวันนี้มีอยู่ 2 เรื่องที่สูสีกันมาคือ เรื่องชาติพันธุ์และการเหยียดสีผิว

จากมุมมองหนึ่งของกลุ่มนักเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งตรงกันกับมุมมองของนักการเมืองจากพรรคเดโมแครต สื่อมวลชน และสถาบันชั้นนำหลายแห่งที่ว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม "Black Lives Matter" เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเมื่อดูจากมาตรวัดในหลายๆเรื่องแล้ว อเมริกาก็ทิ้งคนผิวดำไว้ข้างหลัง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุตำรวจยิงนายไมเคิล บราวน์ จนเสียชีวิตที่เมืองเฟอร์กุสัน รัฐมิสซูรี เมื่อเดือนส.ค. 2557 ซึ่งก่อให้เกิดการประท้วงต่างๆตามมา

อีกมุมหนึ่งที่บอกเล่าโดยกลุ่มหัวอนุรักษ์ก็บอกว่า Black Lives Matter เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มหัวลิเบอรัลเหมือนกับกลุ่มอื่นๆ และไม่ใช่บทสะท้อนของการแบ่งแยกที่แท้จริงหรือความไม่เท่าเทียมกันเชิงโครงสร้างแต่อย่างใด

เบคอน กล่าวว่า ดังนั้น กลุ่มหัวอนุรักษ์จึงสามารถโต้เถียงได้เช่นกัน เพราะหากชาวผิวสี หรือผู้ที่มีเชื้อสายละติน เอเชีย และผู้หญิง จุดประเด็นเรื่องชาติพันธุ์และอัตลักษณ์ขึ้นมาแล้ว ทำไมคนผิวขาวจะพูดถึงเรื่องนี้บ้างไม่ได้

ถ้อยคำที่กลุ่มชาตินิยมผิวขาวได้ย้ำระหว่างเดินขบวนที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ช่วงคืนวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องของ "white lives matter" ซึ่งถือเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อความเคลื่อนไหวของกลุ่ม "Black Lives Matter"

ข้อมูลจากรายงานประจำของกลุ่มหัวรุนแรงในอเมริกาที่ได้มีการเผยแพร่เมื่อเดือนก.พ. โดย Southern Poverty Law Center ระบุว่า จำนวนของกลุ่มที่นิยมความเกลียดชังในสหรัฐนั้น มีมากขึ้นในช่วงปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 917 กลุ่ม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ 892 กลุ่ม

เจิง กล่าวว่า การเมืองแบบอัตลักษณ์ทั้งแบบคนผิวขาวและไม่ใช่คนผิวขาวนั้นต่างแสดงความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และโชคร้ายที่เรื่องนี้เลวร้ายและบ่อนทำลายศูนย์กลาง

สถานการณ์ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย

ในความเห็นของเจิงนั้น ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ซึ่งไม่ใช่คนขาวและไม่ได้ถูกมองว่าเป็นชนกลุ่มน้อยในสายตาของกลุ่มที่สนับสนุนการต่อต้านคนขาวและอ้าแขนรับคนเอเชีย แต่ก็ไม่ได้ต้องการที่ทำให้ชาวเอเชียได้รับสิทธิที่เท่าเทียมนั้น จะต้องเผชิญกับปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ว่ากลุ่มแนวคิดสุดโต่งฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม

เจิง กล่าวว่า เราจะพ่ายแพ้หากกลุ่มชาตินิยมคนผิวขาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นเรื่องการเหยียดสีผิวจริงๆ ชนะ หรือกลุ่มที่ไม่ได้สนับสนุนคนผิวขาวที่มุ่งเน้นเรื่องการเหยียดสีผิว ชนะ เราจะปลอดภัยได้ก็ต่อเมื่อเรื่องเชื้อชาติและชาติพันธุ์ไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นประเด็นในการตัดสินใจและแบ่งแยกภายใต้กฎหมาย

ร็อด เดรเฮอร์ บรรณาธิการอาวุโสของ The American Conservative ระบุในบทความที่มีชื่อว่า The Curse Of Identity Politics ซึ่งได้มีการเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ชาร์ลอตวิลส์เป็นเหมือนกับอเมริกาที่การเมืองแบบอัตลักษณ์เป็นเรื่องที่กำลังถูกเรียกร้อง และก็ถึงเวลาแล้วที่จะมีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างตรงไปตรงมา

เดรเฮอร์ กล่าวว่า การประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของกลุ่มนักการเมืองและผู้นำหัวอนุรักษ์นั้น จะว่าไปแล้วก็ยังไม่เพียงพอ การใช้คารมโวหารต่างๆนานา จำเป็นต้องเริ่มต้นที่การวิจารณ์หลักการของการเมืองแบบอัตลักษณ์ก่อน และควรเน้นย้ำถึงสิ่งที่ผนึกหลอมรวมเราให้เป็นชาวอเมริกัน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาประณามเหตุรุนแรงของกลุ่มชาตินิยมคนผิวขาวในเมืองชาร์ลอตส์วิลส์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ตนเองได้ระบุในช่วงแรกๆของเหตุการณ์โดยกล่าวโทษว่า "หลายๆฝ่าย"เป็นต้นตอที่ทำให้เกิดเหตุรุนแรงจากกลุ่มขวาจัด

สำนักข่าวซินหัวรายงาน


แท็ก สหรัฐ   asian  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ