ผลการศึกษาซึ่งจัดทำโดยมาร์ติน แอสโซซิเอชั่น บริษัทที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้คำขอของสถาบันเหล็กกล้านานาชาติแห่งสหรัฐ (AIIS) ระบุว่า มาตรการคุมเข้มการผลิตเหล็กกล้านำเข้าอาจจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานในสหรัฐกว่า 1.3 ล้านตำแหน่ง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอย่างที่ไม่ได้มีการคาดคิดมาก่อน
ในรายงานระบุว่า การนำเข้าเหล็กกล้าช่วยสนับสนุนตลาดแรงงานสหรัฐกว่า 1.3 ล้านตำแหน่ง สร้างมูลค่าได้ราว 2.398 แสนล้านดอลลาร์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด ก่อให้เกิดรายได้ส่วนบุคคลและการบริโภคในท้องถิ่นจำนวน 6.27 หมื่นล้านดอลลาร์ และทำเงินให้รัฐจากการเก็บภาษีส่วนกลางและภาษีท้องถิ่นที่ 1.94 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้นำกฎหมาย Trade Expansion Act of 1962 มาตรา 232 ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 10 ปีกลับมาใช้ เพื่อกีดกันเหล็กกล้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กกล้าภายในสหรัฐเอง
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มบริษัทที่พึ่งพาการนำเข้าเหล็กกล้าจากต่างประเทศ จึงรวมตัวกัน เพื่อออกแถลงการณ์ถึงปธน.ทรัมป์ว่า "พวกเรามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่คาดคิดและรุนแรงต่ออุตสาหกรรมของเราจากการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 232 กับสินค้าประเภทเหล็กกล้า"
"การคุมเข้มการนำเข้า...จะส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาของเหล็กกล้า ส่งผลให้อุตสาหกรรมปลายน้ำเสียเปรียบผู้ผลิตต่างชาติเป็นอย่างมาก" แถลงการณ์ระบุ