นายอู มินต์ ส่วย รองประธานาธิบดีเมียนมาได้ออกมาเรียกร้องให้มีการผ่อนคลายกฎระเบียบในการทำธุรกิจของภาคเอกชนในระหว่างการประชุมร่วมกับเหล่านักธุรกิจ ณ สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมาร์ (UMFCCI) เนื่องจากต้องการให้ภาคเอกชนเติบโต เพราะภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชนในประเทศ
นายอู มินต์ ส่วย กล่าวว่า รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเป็นมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ และการลงทุนท้องถิ่นเป็นมูลค่า 3.279 ล้านล้านจ๊าต (2.52 พันล้านดอลลาร์) จนถึงช่วงกลางเดือนม.ค.ของปีงบประมาณ 2560-2561 ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค.นี้
ทั้งนี้ การค้าระหว่างประเทศยังขยายตัวมากกว่า 3.8 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่ผ่านมา ขณะที่ภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศที่ 83%
นอกจากนี้ การส่งออกข้าวยังขยายตัวอันเนื่องมาจากความพยายามของกลุ่มผู้ค้าข้าว โดยในการนี้ นายอู มินต์ ส่วย ยังได้กล่าวชื่นชมบทบาทของผู้หญิงในภาคเศรษฐกิจที่คิดเป็นนสัดส่วนกว่า 49% ของนักธุรกิจทั้งหมดในประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน