กลต.สหรัฐจับมือคณะกก.สินค้าโภคภัณฑ์,เฟด,ก.คลังเตรียมขอคองเกรสออกกม.คุมเข้มบิตคอยน์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 7, 2018 01:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจย์ เคลย์ตัน ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ส่งสัญญาณว่า SEC และคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะขอให้สภาคองเกรสออกกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

นายเคลย์ตันกล่าวระหว่างการเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ว่า SEC และ CFTC กำลังร่วมมือกับเฟด และกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการควบคุมสกุลเงินดิจิทัล

คำพูดของนายเคลย์ตันนับเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐกำลังเตรียมออกกฎหมายเพื่อควบคุมการซื้อขาย และการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกวูบหายไปมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ท่ามกลางความกังวลต่อปัจจัยลบหลากหลายประการที่ถาโถมเข้าสู่ตลาด

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 8.3569 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ตามข้อมูลของ Coinmarketcap.com ซึ่งรวบรวมราคาสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,000 สกุลจากตลาดซื้อขายทั่วโลก แต่มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลร่วงแตะระดับ 2.7853 แสนล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5.5716 แสนล้านดอลลาร์

บิตคอยน์ดิ่งลงราว 12% ในวันนี้ หลุดระดับ 6,000 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ บิตคอยน์ร่วงลงแตะระดับ 5,947.40 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวลงมากกว่า 50% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และดิ่งลง 70% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในกลางเดือนธ.ค.ใกล้ระดับ 20,000 ดอลลาร์

มูลค่าตลาดของบิตคอยน์ลดลงมากกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนี้ สู่ระดับ 1.06 แสนล้านดอลลาร์ และร่วงลง 2.335 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดลดลงสู่ 2.824 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ปีที่แล้ว

ส่วนอีเธอเรียม และริพเพิลทรุดตัวลง 60% และ 80% ตามลำดับเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

การทรุดตัวของสกุลเงินดิจิทัลเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มของรัฐบาลหลายประเทศ, การที่แฮกเกอร์โจรกรรมเงินดิจิทัล, ข่าวการปั่นค่าเงินบิตคอยน์ของแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลแห่งหนึ่ง รวมทั้งการที่ธนาคารหลายแห่งประกาศมิให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตของธนาคารในการซื้อสกุลเงินดิจิทัล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ