(เพิ่มเติม) "ทรัมป์" สั่งรมว.พาณิชย์ตรวจสอบรถยนต์ต่างประเทศ คาดเล็งเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 25%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 24, 2018 09:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาแผนการตรวจสอบเพื่อประเมินว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25%

"อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์นั้นมีความสำคัญยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรืองของสหรัฐ" ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์

ทั้งนี้ คาดว่าการตรวจสอบดังกล่าวน่าจะเป็นการดำเนินการตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นมาตราเดียวกับที่สหรัฐใช้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อไม่นานมานี้

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า "ในเร็วๆนี้จะมีข่าวใหญ่สำหรับชาวอเมริกันที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ พวกคุณอดทนรอมานานเกินไปแล้ว หลังจากที่ต้องสูญเสียงานให้กับประเทศอื่นๆเป็นเวลาหลายทศวรรษ"

ทางด้านนายรอสส์กล่าวว่า "มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐ"

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐออกแถลงการณ์ว่า การตรวจสอบดังกล่าวจะประเมินว่าการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ลดลงในสหรัฐนั้นเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจของสหรัฐหรือไม่ ทั้งในแง่ผลกระทบต่อการวิจัย การพัฒนา และตำแหน่งงานสำหรับแรงงานทักษะด้านระบบยานยนต์เชื่อมต่อ ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เซลล์เชื้อเพลิง มอเตอร์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน กระบวนการผลิตขั้นสูง และเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่นๆ"

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงยังระบุว่า สหรัฐมีการนำเข้ารถยนต์โดยสารเป็นสัดส่วนถึง 48% ของรถยนต์โดยสารทั้งหมดที่ขายในประเทศ เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 32% เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การจ้างงานในภาคการผลิตยานยนต์ปรับตัวลดลง 22%

ด้านตัวแทนจากอุตสาหกรรมยานยนต์บางส่วนได้ออกมาแสดงความวิตกว่า มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ราคารถยนต์และรถบรรทุกในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น และท้ายที่สุดจะทำให้ศักยภาพด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ ลดน้อยลง และชาวอเมริกันมีตัวเลือกลดลงตามไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ