สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้นจากฝั่งสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียในปีนี้ลง 0.1% เหลือ 5.2%
ฝ่ายวิจัยของธนาคารฮง เหลียง อินเวสต์เมนต์ แบงก์ (HLIB) ระบุในรายงานวันนี้ว่า "การกระหน่ำเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐได้ส่งผลกระทบบ้างแล้ว โดยส่งผลให้ GDP โลกชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งเราได้ปรับลดคาดการณ์ GDP มาเลเซียลงเล็กน้อยเป็นขยายตัว 5.2% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5.3%"
นอกจากนี้ ทางธนาคารยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP โลกลง 0.1% เหลือ 3.8%
รายงานระบุว่า "แม้เศรษฐกิจโลกยังคงมีความแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าในเวทีโลกได้มีอิทธิพลมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากการที่มาเลเซียเปิดกว้างทางการค้าแล้ว การปรับลดคาดการณ์ GDP โลกน่าจะส่งผลกระทบเล็กน้อยในแง่ของแนวโน้มความต้องการส่งออก"
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้เสนอแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้รัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในวงเงินเดียวกัน โดยวงเงินดังกล่าวคิดเป็น 2.5% ของที่จีนส่งออกไปทั่วโลก และ 3.5% ของที่สหรัฐส่งออกไปทั่วโลก โดยน่าจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อการขยายตัวของ GDP โลก
ทางฝ่ายวิจัยมองว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าที่รุนแรงขึ้นเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
รายงานระบุว่า "หากข้อพิพาทด้านภาษีนำเข้าครอบคลุมชาติมหาอำนาจในวงกว้างขึ้นแล้ว เศรษฐกิจโลกก็จะได้รับผลกระทบมากขึ้น"
เนื้อความในรายงานได้อ้างอิงผลการวิจัยของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นตัวอย่าง โดยผลการวิจัยดังกล่าวพบว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้า 10% นั้น อาจส่งผลให้ GDP โลกปรับตัวลดลงประมาณ 1.75%