สหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้งขจัดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนการค้าสินค้าประเภทดังกล่าว ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การตกลงให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า EU ได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU จะเป็นไปในลักษณะได้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่สหรัฐคาดหวังไว้
ทางด้านนายยุงเกอร์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าสินค้าในกลุ่มรถยนต์
-- นายสี จิ้นผิง นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยในการประชุมผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจบริคส์ (BRICS) วานนี้ว่า ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า เพราะใครก็ตามที่พยายามจะสู้ในสงครามครั้งนี้ "จะจบด้วยการแพ้ภัยตัวเอง"
นอกจากนี้ จีนยังได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจบริคส์ชาติอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย และแอฟริกาใต้ ร่วมกันต่อต้านมาตรการปกป้องทางภาษีที่สหรัฐบังคับใช้กับประเทศต่างๆอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้นำชาติสมาชิกของกลุ่มบริคส์มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นไป
-- ปากีสถานได้เปิดคูหาเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวานนี้ โดยผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการชี้ให้เห็นว่า นายอิมราน ข่าน หัวหน้าพรรค Pakistan Tehreek-e-Insaf (PTI) วัย 65 ปี มีคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้นายข่านสามารถกวาดเก้าอี้ในสภาไปได้มากที่สุด แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลเดี่ยว
-- หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 23% หลังปิดตลาด เนื่องจากความวิตกกังวลของผู้ใช้งานเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยและการคัดกรองคอนเทนต์ของโชเซียลมีเดียชื่อดัง
นายเดวิด เวห์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดเผยว่า รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 และจำนวนของผู้ใช้งานรายวันออกมาต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมระบุว่า อัตราการเติบโตของยอดขายเฟซบุ๊กจะชะลอตัวลงไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงหนักหลังแถลงการณ์ดังกล่าว
-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดบวก 97.34 จุด หรือ +0.43% แตะที่ระดับ 22,711.59 จุด หลังจากสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์
ทั้งนี้ การตกลงให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้
-- โฆษกคณะกรรมการบริหารจัดการภัยพิบัติของกัมพูชาเผยเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเขื่อนทางตอนใต้ของลาวพังถล่มลงมานั้น ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้าน 17 แห่งในจังหวัดสตึงเตรง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มีครอบครัวกว่า 5,000 ครอบครัวอาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมอย่างฉับพลัน โดยเจ้าหน้าท่ได้อพยพประชาชนแล้วประมาณ 1,289 ครอบครัว โดยมีประชาชน 5,619 รายที่ได้อพยพมายังพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนประชาชนที่เหลือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ต้องการออกจากบ้านเรือน เพราะเห็นว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่อ่อนตัวลง 5.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 631,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน หลังจากที่พุ่งขึ้น 6.7% แตะระดับ 666,000 ยูนิตในเดือนพ.ค.
ยอดขายบ้านใหม่ที่อ่อนตัวลงในเดือนมิ.ย. สะท้อนให้เห็นถึงตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงในสหรัฐ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 666,000 ยูนิต
-- สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับระยะเวลา 3 ปีจนถึงปีงบประมาณ 2563 ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากราคาผู้บริโภคอ่อนแรงลงอย่างมาก
แหล่งข่าวระบุว่า กรรมการ BOJ อาจจะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2561 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 1.3% ขณะเดียวกันคาดว่า BOJ จะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2562 ลงสู่ระดับ 1.5% จากระดับ 1.8% และจะปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2563 ลงเช่นกัน โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.8%
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 6.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะลดลง 713,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 101,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้น 207,000 บาร์เรล
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. และ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.
ส่วนพรุ่งนี้ จีนจะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ฝรั่งเศสจะเปิดเผย GDP ไตรมาส 2 ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน