World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 กันยายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 11, 2018 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดทางการจีนประกาศความพร้อมที่จะตอบโต้ทันที หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

-- นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่มีแผนเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

ทั่วโลกกำลังจับตาท่าทีของปธน.ทรัมป์ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อใด หลังจากผ่านพ้นกำหนดเส้นตายในวันที่ 6 ก.ย.สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการดังกล่าว

-- ค่าเงินของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุดทางการจีนประกาศความพร้อมที่จะตอบโต้ทันที หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่

นอกเหนือจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าแล้ว ปัจจัยภายในประเทศยังได้ฉุดค่าเงินของกลุ่มตลาดเกิดใหม่เช่นกัน โดยค่าเงินบราซิลดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวนก่อนที่บราซิลจะจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ขณะที่ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาร่วงลงหลังจากเทรดเดอร์บางคนมองว่า การแข็งค่าของเปโซในช่วงที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากมุมมองเชิงบวกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) นั้น เป็นการแข็งค่าที่รวดเร็วเกินไป

ส่วนค่าเงินลีราของตุรกีร่วงลง หลังจากทางการตุรกีเปิดเผยว่าเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวเพียง 5.2% ในไตรมาสแรก ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยข้อมูลดังกล่าวได้บดบังกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางตุรกีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ขณะที่ค่าเงินรูปีของอินเดียร่วงลง หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาแผนการดึงเม็ดเงินจากชาวอินเดียในต่างประเทศ หลังจากค่าร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ซบเซา

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ ระบุว่า สหรัฐมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่าอัตราว่างงานเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี

"ตัวเลข GDP (4.2%) สูงกว่าตัวเลขอัตราว่างงาน (3.9%) เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อความที่ปธน.ทรัมป์กล่าวอ้างไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากปรากฏการณ์ดังกล่าวได้เคยเกิดขึ้นมากกว่า 60 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1948 ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และอัตราว่างงาน

-- นายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ EU จะบรรลุข้อตกลง Brexit กับอังกฤษภายในเวลา 6-8 สัปดาห์ เนื่องจากเมื่อพิจารณาเงื่อนไขของเวลาสำหรับกระบวนการให้สัตยาบันในสภาสามัญชนของอังกฤษ รวมทั้งในรัฐสภายุโรป และคณะมนตรียุโรป จะต้องทำข้อตกลงก่อนเริ่มเดือนพ.ย. ซึ่งตนคิดว่าเป็นไปได้

เมื่อวันศุกร์ นายบาร์นิเยร์กล่าวว่า EU เปิดกว้างต่อแนวทางอื่นๆในการแก้ไขปัญหาชายแดนของไอร์แลนด์ นอกเหนือจากข้อเสนอของ EU อย่างไรก็ดี ประเด็นชายแดนไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือถือเป็นประเด็นที่มีความเปราะบางมากที่สุดในการเจรจาข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและ EU

ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าถ้อยแถลงของนายบาร์นิเยร์เป็นการส่งสัญญาณท่าทีที่ผ่อนคลายของ EU ในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงก่อนถึงกำหนดเส้นตายการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมึ.ค.ปีหน้า

-- โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในเดือนต.ค. โดยระบุว่า "เรามุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงในเดือนต.ค. และสิ่งนี้ยังคงเป็นเป้าหมายในการดำเนินการของเรา"

-- เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า ผู้นำของ EU เตรียมจัดการประชุมสุดยอดครั้งพิเศษว่าด้วยการที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ในกลางเดือนพ.ย. ซึ่งในเวลานั้นพวกเขาหวังว่าจะมีการลงนามในข้อตกลง Brexit กับทางอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้นำ EU ยังไม่สามารถลงนามข้อตกลง Brexit กับอังกฤษในเดือนพ.ย. โดยหากมีการลงนามในเดือนธ.ค.หรือม.ค.ปีหน้า ก็ยังคงมีเวลาเพียงพอสำหรับรัฐสภาของอังกฤษและยุโรปในการให้สัตยาบันต่อข้อตกลงดังกล่าว

เจ้าหน้าที่คาดว่า การประชุมรัฐมนตรี EU ในวันที่ 18 ก.ย.จะเป็นการหารือถึงการจัดประชุมสุดยอดครั้งใหม่ เนื่องจากพวกเขาคาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะยังคงไม่สามารถลงนามในข้อตกลง Brexit ในการประชุมวันที่ 18-19 ต.ค. เนื่องจากยังคงเผชิญอุปสรรคในการเจรจาประเด็นชายแดนของไอร์แลนด์

-- นางซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผยว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เพื่อขอให้มีการจัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือครั้งที่สอง และในตอนนี้คณะทำงานของสหรัฐกำลังเตรียมความพร้อมจัดการประชุมดังกล่าวขึ้น

นางแซนเดอร์สระบุว่า "ปธน.ทรัมป์ได้รับจดหมายดังกล่าวของนายคิมแล้ว โดยจดหมายดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อร้องขอให้มีการจัดประชุมและกำหนดวันประชุมสุดยอดร่วมกับปธน.ทรัมป์อีกครั้ง ซึ่งทางเราก็เปิดกว้าง และเริ่มกระบวนการความร่วมมือเพื่อจัดการประชุมดังกล่าว"

ทั้งนี้ คำขอดังกล่าวถือเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรงครั้งล่าสุดระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและปธน.สหรัฐ ซึ่งเพิ่งพบปะหารือกันในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยผู้นำทั้งสองเห็นพ้องตรงกันว่า เกาหลีเหนือจะดำเนินการยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีรายงานความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือในการปลดอาวุธนิวเคลียร์

-- แอปเปิล อิงค์เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของปีนี้ในวันที่ 12 ก.ย.ที่สตีฟ จ็อบส์ เธียเตอร์ โดยงานดังกล่าวจะเริ่มขึ้นเวลา 10.00 น.ตามเวลาชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ หรือตรงกับเวลาเที่ยงคืนตามเวลาไทย

สื่อคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone X ใหม่ 3 รุ่นในงานดังกล่าว โดยรุ่นหนึ่งจะเป็น iPhone ที่มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้วแบบ OLED ซึ่งเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะมีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้วแบบ OLED เท่ากับ iPhone X ในปัจจุบัน แต่ได้รับการอัพเกรด และอีกรุ่นหนึ่งเป็น iPhone ที่มีราคาไม่แพง แต่เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หลักๆ ของรุ่นเรือธง โดยมีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วแบบ LCD

นอกจากนี้ iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นดังกล่าวต่างก็มีฟีเจอร์ Face ID ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า แทนการสแกนลายนิ้วมือ ขณะที่แอปเปิลจะเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ใน iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานได้นานกว่ารุ่นเดิม ขณะเดียวกันแอปเปิลจะเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ และ Mac Mini ที่มีการอัพเกรด รวมทั้ง Apple Watch รุ่นใหม่ และ iPad ที่มีการอัพเกรด

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 0.6% ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. สูงกว่าช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.ซึ่งขยายตัว 0.4%

การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษที่ระดับ 0.6% ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. ถือเป็นการขยายตัวในช่วง 3 เดือนที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และเป็นตัวเลขสูงสุดในช่วงคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของผู้บริโภคอันเนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่น และการแข่งขันฟุตบอลโลก

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนส.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ขณะที่อังกฤษจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ย.จากสถาบัน ZEW และสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. ส่วนออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโคเดือนก.ย.จากเวสต์แพค จีนเปิดเผยตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนส.ค. ด้านอียูเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเช้าวันที่ 13 ก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ