World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 กันยายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 12, 2018 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 113.99 จุด หรือ 0.44% แตะที่ระดับ 25,971.06 จุด เมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิล ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone X ใหม่ 3 รุ่นในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นกว่า 2% อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายงานล่าสุดระบุว่าจีนเตรียมขออนุมัติจากองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อทำการคว่ำบาตรสหรัฐ

-- จีนเตรียมขอการอนุมัติจากองค์การการค้าโลก (WTO) ในสัปดาห์หน้าเพื่อทำการคว่ำบาตรสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศที่ลุกลามออกไป

ทั้งนี้ ระเบียบวาระการประชุมของ WTO ระบุว่า จีนจะขออำนาจในการคว่ำบาตรสหรัฐในการประชุมคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO ในวันที่ 21 ก.ย.

คำร้องของจีนระบุว่า สหรัฐไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินของ WTO กรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดจากจีน ซึ่งจีนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO ในปี 2556

คาดว่าการที่จีนขออนุมัติคว่ำบาตรสหรัฐในครั้งนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายทำการต่อสู้ทางด้านกฎหมายต่อไปอีกหลายปี

-- พายุไต้ฝุ่น "มังคุด" ซึ่งตั้งชื่อตามผลไม้ของประเทศไทยนั้น ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก และคาดว่าจะเคลื่อนตัวไปยังฟิลิปปินส์และไต้หวันในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะฮ่องกงและทางตอนใต้ของจีนในช่วงสุดสัปดาห์

ทั้งนี้ จากการประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า พายุไต้ฝุ่นมังคุดมีความเร็วลมอยู่ที่ 230 กิโลเมตร/ชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มอ่อนกำลังลง และคาดการณ์ว่าจะมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ตอนใต้ของจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักและมีลมกรรโชกรุนแรง

-- สถานการณ์การเมืองระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือส่งสัญญาณในเชิงบวก หลังจากทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เพื่อขอให้มีการจัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือครั้งที่ 2 ขณะที่ทางสหรัฐเองก็กำลังพิจารณาเรื่องการจัดประชุมดังกล่าว

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีเมื่อคืนนี้ ขานรับเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง

ณ เวลา 23.41 น.วานนี้ ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.970% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.114% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.740% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.2551

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. โดยต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นซึ่งระบุว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากที่ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งดีดตัวขึ้น 5.0% ในเดือนก.ค.

ขณะเดียวกัน ยอดขายในภาคค้าส่งทรงตัวในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.

ยอดขายดังกล่าวบ่งชี้ว่า ผู้ค้าส่งจะใช้เวลา 1.26 เดือนในการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสต็อก โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.25 เดือนในเดือนมิ.ย.

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) รายเดือน พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.94 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานที่พุ่งขึ้นในเดือนก.ค.ได้แรงหนุนจากตำแหน่งงานในภาคการเงินและการผลิต

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 737,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หรือราว 12%

ส่วนตัวเลขผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น 106,000 คน สู่ระดับ 3.6 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจถือเป็นสิ่งบ่งชี้ความเชื่อมั่นของแรงงานที่คาดว่าจะสามารถหางานที่ให้ผลตอบแทนได้ดีขึ้น

-- สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมพุ่งขึ้นสู่ระดับ 108.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้นจากระดับ 107.9 ในเดือนก.ค.

ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดภาษีและกฎระเบียบของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้มีการเพิ่มขึ้นของยอดขาย, การจ้างงาน และการลงทุน

นอกจากนี้ NFIB ยังระบุว่า ธุรกิจขนาดย่อมมีแผนสร้างงานจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เจ้าของกิจการจำนวนมากมีความมั่นใจในการขยายกิจการ ส่วนแผนการใช้จ่ายทุนอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

-- โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า นางเมย์จะเดินทางไปยังเมืองซัลส์บรูกในสัปดาห์หน้าเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งผู้นำ EU จะมีโอกาสหารือข้อเสนอของนางเมย์เกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) เป็นครั้งแรก

โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า นางเมย์จะเดินทางถึงเมืองซัลส์บรูกในวันพุธหน้าเพื่อใช้โอกาสในการเจรจากับผู้นำ EU เกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำ EU จะหารือร่วมกันเกี่ยวกับสมุดปกขาวของรัฐบาลอังกฤษซึ่งได้รวบรวมข้อเสนอ Brexit

-- นายเฟอเรดุน เฟชาราคิ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทแฟคส์ โกลบัล เอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าวว่า การที่สหรัฐเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของอิหร่านในเดือนพ.ย. จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557

"ถ้าหากไม่มีมาตรการคว่ำบาตร ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 70 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า แต่แนวโน้มการคว่ำบาตรจะเกิดขึ้นจริง และจะเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 เดือน สิ่งนี้จะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดพุ่งขึ้น" นายเฟชาราคิกล่าว

"รัฐบาลทรัมป์สมควรถูกตำหนิจากการทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ซึ่งหากสหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่าน ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรได้" เขากล่าว

-- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า จีนและรัสเซียควรร่วมมือกันต่อต้านการกีดกันทางการค้า และลัทธิการดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นการกล่าวโจมตีโดยเล็งถึงนโยบายของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ในการแถลงข่าว ปธน.สีไม่ได้ระบุถึงสหรัฐแต่อย่างใด หลังจากที่ได้พบปะประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย นอกรอบการประชุมเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จัดขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต็อคของรัสเซีย

"ในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางภาวะไร้เสถียรภาพ และคาดการณ์ไม่ได้ ความร่วมมือระหว่างรัสเซียและจีนจึงมีความสำคัญมากขึ้น" ปธน.สีกล่าว

-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เห็นพ้องกันในการให้การสนับสนุนการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า และจะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีด้วยสันติวิธี

"เราจะยังคงใช้ความพยายามทั้งทางการทูตและการเมืองในการแก้ไขปัญหาคาบสมุทรเกาหลีตามโรดแม็ปที่จีนและรัสเซียได้ตกลงกันไว้" ปธน.ปูตินกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับปธน.สี นอกรอบการประชุมเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จัดขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต็อค

ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่กรุงเปียงยางในวันที่ 18-20 ก.ย.

ทางด้านปธน.สีกล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการเดินหน้าความพยายามในการแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือโดยใช้แนวทางทางการเมือง

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. ส่วนออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโคเดือนก.ย.จากเวสต์แพค จีนเปิดเผยตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนส.ค. อียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนก.ค และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. จีนเตรียมเปิดเผยยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเดือนส.ค. ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ส่วนสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ