World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 11, 2018 09:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยทั้งดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ปีนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลงกว่า 300 จุด จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยรับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวลง

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.8%

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.ย. เช่นเดียวกับในเดือนส.ค.

-- กรมอุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซียเปิดเผยว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แมกนิจูดที่เกาะชวาตะวันออกของอินโดนีเซียในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนจำนวนมาก

ทางด้านสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว 7.0 แมกนิจูดที่ประเทศปาปัวนิวกินีในวันนี้

รายงานระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.48 น.ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากฝั่งตะวันออกของเมืองคิมเบ ในจังหวัดเวสต์ นิวบริเทนของปาปัวนิวกินี ออกไปประมาณ 124 กิโลเมตร และเกิดขึ้นที่ความลึกระดับ 39.5 กิโลเมตร

-- นายมิคิโอะ นูมาตะ ประธานสมาคมแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น-ไต้หวัน แสดงความผิดหวังต่อการที่ไต้หวันเตรียมจัดทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะมีการยกเลิกการห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจาก 5 จังหวัดของญี่ปุ่นหรือไม่ หลังเกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะในปี 2554

"ถึงแม้การทำประชามติไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของผมที่มีต่อไต้หวัน แต่ผมก็รู้สึกผิดหวังต่อการตัดสินใจดังกล่าว" นายนูมาตะกล่าว

-- หุ้นของบริษัทเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมได้ร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลหลังผู้บริหารจากบริษัทแอลวีเอ็มเอช เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง ได้ออกมายืนยันว่า ทางการจีนได้ยกระดับการตรวจสอบสิ่งของไม่ต้องสำแดงของชาวจีนที่เดินทางกลับประเทศ นอกจากนี้ ยอดขายของหลุยส์ วิตตอง ในกลุ่มลูกค้าชาวจีนยังชะลอตัวลงเล็กน้อยด้วย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการยืนยันข่าวลือที่เริ่มปรากฏให้เห็นตามสื่อโซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นแบรนด์เนมที่มีอยู่ในมือ โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอช ร่วงลงถึง 7.14% ส่วนหุ้นเคอริง เจ้าของแบรนด์กุชชี ร่วงลง 9.62% หุ้นเอสเต ลอเดอร์ ร่วงลง 7.43% และหุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ร่วง 10.15%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า เขาอาจจะเดินทางไปยังรัฐฟลอริดาในวันอาทิตย์ หรือวันจันทร์หน้า เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากพายุเฮอร์ริเคน"ไมเคิล"

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้มีการหารือทางโทรศัพท์กับนายริก สกอตต์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริด้า โดยได้กำชับให้ประชาชนที่อยู่ในเขตการเคลื่อนตัวของพายุจะต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตน

-- แหล่งข่าวระบุว่า นางดินา พาวเวล อดีตผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และปัจจุบันเป็นผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์ ได้เข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ แทนนางนิกกี เฮลีย์ ซึ่งได้ประกาศลาออกวานนี้ โดยจะมีผลในสิ้นปีนี้

-- นายบ็อบ ดัดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทบีพี กล่าวเตือนว่า ภาวะไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันของอิหร่านก่อนที่สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย. จะสร้างความผันผวนครั้งใหญ่ต่อราคาน้ำมัน

"ผมคิดว่าราคาน้ำมันจะมีความผันผวนอย่างมากเป็นเวลา 45 วัน โดยราคาอาจพุ่งขึ้น และอาจดิ่งลงก็ได้" นายดัดลีย์กล่าว

-- แหล่งข่าวระบุว่า บริษัทเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐ และเป็นเจ้าของห้างเซียร์ส และเคมาร์ท ได้เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย หลังจากที่ได้ดำเนินธุรกิจมานาน 125 ปี

ข่าวการล้มละลายมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เซียร์สได้ประกาศปิดสาขาจำนวนหลายร้อยแห่งในสหรัฐ หลังประสบปัญหายอดขายดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง

-- นายเบรัต อัลเบย์รัค รมว.คลังตุรกี เรียกร้องให้ภาคเอกชนของตุรกีลดราคาสินค้าอย่างน้อย 10% เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในประเทศ

นอกจากนี้ นายอัลเบย์รัคยังได้ออกมาตรการเพื่อให้เงินเฟ้อปรับตัวลง โดยรัฐบาลจะตรึงค่าไฟฟ้า และค่าก๊าซธรรมชาติจนกว่าจะถึงสิ้นปีนี้

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยฝรั่งเศสเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ ได้แก่ ยอดส่งออก,นำเข้า และดุลการค้าเดือนก.ย., ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนก.ย. และยอดปล่อยเงินกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.ย. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. และอียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ