World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 18, 2018 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

"กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า การเดินหน้าปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) อย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น จะสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และภาวะตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่ง รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายในระยะกลางของคณะกรรมการกำหนดโยบายการเงิน (FOMC)" รายงานการประชุมระบุ

-- กระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดเผยรายงาน "นโยบายเศษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ (International Economic and Exchange Rate Policies) รอบครึ่งปี ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ไม่มีประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐประเทศใดที่มีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งรวมถึงจีน

อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวได้ระบุว่า จีน เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ใน "รายชื่อประเทศที่ถูกจับตา" ซึ่งหมายความว่า ทางการสหรัฐจะจับตานโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ซึ่งระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,706.68 จุด ลดลง 91.74 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.21 จุด ลดลง 0.71 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.70 จุด ลดลง 2.79 จุด หรือ -0.04%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนที่จะถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงของ 192 ชาติที่ให้ส่วนลดแก่บริษัทจีนที่ส่งสินค้าขนาดเล็กมาให้ลูกค้าชาวสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างการค้าของทั้งสองชาติ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐได้แจ้งให้ตุรกีส่งวัตถุพยานเกี่ยวกับภาพและเสียงที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดิอาระเบีย

ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะได้รับฟังการบรรยายสรุปจากนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งได้เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบีย และตุรกีก่อนหน้านี้ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนายคาช็อกกี

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า เขาไม่ได้ให้การปกป้องผู้นำของซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวว่า ไม่ควรมีการด่วนสรุปว่าผู้นำของซาอุดิอาระเบียมีความผิดในกรณีการเสียชีวิตของนายคาช็อกกี

-- เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า นางนาตาลี เมย์ฟลาวเวอร์ ซาวส์ เอ็ดเวิร์ดส์ ที่ปรึกษาอาวุโสวัย 40 ปีในแผนกการบังคับคดีอาชญากรรมทางการเงิน กระทรวงการคลังสหรัฐ ได้ถูกจับกุมตัวเมื่อวานนี้ ในข้อหาลักลอบเผยแพร่ข้อมูลลับทางราชการ

ทั้งนี้ นางเอ็ดเวิร์ดส์ได้ลักลอบนำข้อมูลลับของกระทรวงการคลังให้แก่สำนักข่าว BuzzFeed News เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยที่พัวพันนายพอล มานาฟอร์ท อดีตหัวหน้าฝ่ายรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

-- แหล่งข่าวจากสำนักงานพัฒนาเขตเซี่ยงไฮ้ หลินกัง เปิดเผยว่า บริษัทเทสลา อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ได้ซื้อที่ดินผืนหนึ่งจากเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ โดยมีพื้นที่ 864,885 ตารางเมตร เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกนอกสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยวงเงินในการซื้อที่ดินดังกล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะแจ้งให้รัฐมนตรีทุกคนทำการปรับลดงบประมาณในกระทรวงที่ดูแลลง 5% เพื่อแก้ไขปัญหาขาดดุลงบประมาณ

"เราจะขอให้รัฐมนตรีทุกคนลดวงเงินงบประมาณลง 5% ในวันนี้" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขามีแผนที่จะปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาล หลังมีการประกาศตัวเลขขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น 17% ในปีงบประมาณ 2561 สู่ระดับ 7.79 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี

-- เจ้าหน้าที่รัสเซียเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย และบาดเจ็บหลายสิบราย หลังนักศึกษาคนหนึ่งได้ก่อเหตุกราดยิงในวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองเคิร์ช ซึ่งอยู่ในคาบสมุทรไครเมีย

ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุกราดยิงชื่อนายวลาดิสลาฟ รอสยาคอฟ วัย 18 ปี โดยเขาได้ใช้ปืนยิงเพื่อนนักศึกษาในอาคารเรียน ก่อนที่จะใช้ปืนดังกล่าวยิงปลิดชีพตนเอง

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยอังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ขณะที่จีนจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย., และยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ