World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 24, 2018 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 125.98 จุด หรือ -0.50% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัท แคทเธอร์พิลลาร์ และ 3M นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นจีน รวมทั้งความกังวลจากรายงานที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ปฏิเสธร่างงบประมาณประจำปีหน้าของอิตาลี

-- นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจะพบปะกันนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า

การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้น ท่ามกลางการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสหรัฐขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่เรียกเก็บภาษีสินค้าวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้

-- นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงปารีสในวันที่ 11 พ.ย.

นายโบลตันเปิดเผยว่า ปธน.ปูตินได้แจ้งต่อเขาว่า ตนเองต้องเจรจากับปธน.ทรัมป์เพิ่มขึ้น และได้เสนอให้มีการจัดประชุมในระหว่างที่อยู่ในกรุงปารีส ขณะที่ปธน.ทรัมป์ก็เห็นพ้องกับการจัดการประชุมดังกล่าวเช่นกัน หลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้พบปะกันครั้งล่าสุดที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

-- คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศว่า อิตาลีจะต้องทำการทบทวนข้อเสนอร่างงบประมาณประจำปีหน้า ขณะที่ EU แสดงความกังวลต่อการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี

รัฐบาลอิตาลีได้เพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า ขณะที่รัฐบาลชุดเดิมของอิตาลียืนยันว่าจะรักษาตัวเลขขาดดุลที่ 0.8% ของ GDP และ EU มองว่าร่างงบประมาณปี 2562 ของอิตาลีขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU ซึ่งกำหนดให้ประเทศใน EU มีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP

อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก

-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลางการใช้จ่ายในภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง และการบริโภคภาคเอกชนที่กระเตื้องขึ้น แม้การส่งออกจะชะลอตัวลงก็ตาม

สำนักงานคณะรัฐมนตรีระบุถึงเรื่องดังกล่าวในรายงานเศรษฐกิจประจำเดือนต.ค. โดยทางสำนักงานฯได้คงการประเมินเศรษฐกิจโดยทั่วไปว่า "ฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลาง" ชี้การใช้จ่ายภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศ "กำลังกระเตื้องขึ้น" และการใช้จ่ายทางธุรกิจ "กำลังเพิ่มขึ้น" อันเป็นผลจากผลกำไรของบริษัทและการลงทุนในอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เพิ่มสูงขึ้น

-- สำนักงานสถิติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน หรือเงินเฟ้อผู้ผลิต ขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก่อนหน้า

ขณะที่เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.

หากไม่รวมราคาพลังงาน ดัชนี PPI ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ปรับตัวขึ้น 1.6% จากปีก่อน

ทั้งนี้ ราคาพลังงานพุ่งขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

-- ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดค่าใช้จ่าย ขณะที่ยอดขายระหว่างประเทศพุ่งขึ้น

ทั้งนี้ ฮาร์ลีย์-เดวิดสันเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 68 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.32 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.07 พันล้านดอลลาร์

-- บริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป รายงานตัวเลขกำไร และรายได้ประจำไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ แมคโดนัลด์เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีรายได้ที่ระดับ 5.37 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.32 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรที่ระดับ 2.10 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.99 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะเดียวกัน ยอดขายของบริษัทมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 13

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีภาวะเศรษฐกิจเดือนส.ค.ของญี่ปุ่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิตของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียูและสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐ ตลอดจนสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในช่วงเช้าของวันที่ 25 ต.ค.ตามเวลาไทย

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 เยอรมนีเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนต.ค.จากสถาบัน Ifo อียูเตรียมเปิดเผยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ